บอร์ดบีโอไอนัดประชุม 19 พ.ค.นี้ จ่อออกมาตรการภาษีใหม่ เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยช่วยลดผลกระทบปการปรับขึ้นขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และเดินหน้าเสริมแกร่งซัพพลายเชนไทยจับคู่ธุรกิจอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคเพื่อก้าวสู่การผลิตยุคใหม่ในงานซับคอนไทยแลนด์ 2025 ที่จัดขึ้น 14-17พ.ค.นี้
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยผลกระทบจากนโยบายการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯโดยเฉพาะยานยนต์ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยมีทีมไทยแลนด์ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าทีมได้เตรียมพร้อมเจรจากับสหรัฐฯแล้ว เชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมไทย
ในการประชุมคณะกรรมการบีโอไอในวันที่ 19 พ.ค.2568 จะออกมาตรการใหม่เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย รองรับอุตสาหกรรมใหม่ รวมถึงลดผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
สำหรับมาตรการใหม่ของบีโอไอที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยจะเน้นมาตรการทางด้านภาษีเป็นหลัก จากการปรับปรุงมาตรการเก่าและออกใหม่ให้สอดรับสถานการณ์ปัจจุบันด้วยเช่นกัน
นายนฤตม์ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญของการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ให้มั่นคงและยั่งยืน คือการยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของประเทศให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยและ SME ได้มีบทบาทอย่างแท้จริงในระบบอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต โดยงานซับคอนไทยแลนด์จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 ถือเป็นเวทีสำคัญระดับนานาชาติที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของบีโอไอ ในการเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกิจกรรม Business Matching กับผู้ซื้อรายใหญ่ การเจรจาจัดซื้อชิ้นส่วนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และกิจกรรมตลาดกลางซื้อขายที่เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับ ที่สำคัญในปีนี้ ยังเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเปิดพื้นที่ "xEV Sourcing Zone" เพื่อให้บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน (Tier 1) จัดแสดงชิ้นส่วนที่ต้องการจัดซื้อ และกิจกรรม BOI Symposium 2025 ภายใต้ธีม Shaping the Future of xEV in Thailand - Opportunities for Innovation and Growth ที่เชิญผู้นำระดับสูงจากค่ายรถชั้นนำ มาร่วมแลกเปลี่ยนทิศทางการพัฒนา xEV และบทบาทของไทยในเวทีโลก
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ทั้งจากภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่ระบบพลังงานสะอาด รวมถึงปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี และความยั่งยืนที่กำลังพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว งานซับคอนไทยแลนด์ 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตและการลงทุนระดับภูมิภาค ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการจัดแสดงนวัตกรรมเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ต่อยอดเครือข่าย พัฒนาความร่วมมือ และขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ตลาดสากล รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการผลักดันอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และพลังงานสะอาด เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งภายในประเทศ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว เราเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการลงทุน พัฒนาเทคโนโลยี บุคลากร และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจโลกสู่ระบบสีเขียวและดิจิทัล ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก ประเทศไทยยังคงมีโอกาสมหาศาลในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง Subcontracting & Supply Chain Hub แห่งภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จับมืออินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ และพันธมิตรภาครัฐ–เอกชน เปิดงาน " ซับคอนไทยแลนด์ " ควบคู่กับงาน อินเตอร์แมค - พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2025 ระหว่างวันที่ 14 -17 พฤษภาคม 2568 โชว์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องจักร–อุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตทันสมัยที่สุดในภูมิภาค พร้อมหนุนผู้ประกอบการไทย เข้าถึงโอกาสจับคู่ธุรกิจกับผู้ซื้อรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ชูแนวคิด “ลดคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” วางเป้าดันไทยเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างยั่งยืน
การจัดงานในปีนี้รวมเทคโนโลยีกว่า 1,500 แบรนด์จาก 45 ประเทศไว้ในพื้นที่เดียวกัน เราเชื่อมั่นว่าการจัดงานในครั้งนี้ คือเวทีสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่การผลิตอัจฉริยะ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ภาคการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม