ศึกมะขามแปรรูป 1,000 ล้าน ปีนี้ร้อนแรง เหตุ “สารัช” แบรนด์ต้นตำรับ “มะขามแปรรูปจิ๊ดจ๊าด” เจ้าแรก อัดงบ 10 ล้านบาท ลุยทำตลาดเป็นครั้งแรก หวังแก้เกมส์ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ และขยายฐานลูกค้าใหม่ มั่นใจ 5 ปี ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ทั้งในแง่ท็อปออฟมายด์ และยอดขาย ส่วนปีนี้เชื่อโต 30% จากยอดขายปีละ 100 กว่าล้านบาท
นายสารัช กมลธรไท กรรมการผู้จัดการ บริษัท สารัช มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายมะขามแปรรูป แบรนด์ “สารัช” เปิดเผยว่า สารัช ถือเป็นแบรนด์ต้นตำหรับ “มะขามแปรรูปจิ๊ดจ๊าด“ เจ้าแรก แต่จากผลสำรวจพบว่า 80% ผู้บริโภคจำรายละเอียดสินค้าได้ อย่างแพกเกจจิ้ง รสชาติ รวมถึงฉลากที่มีคำว่ามะขามจิ๊ดจ๊าด แต่จำชื่อแบรนด์ไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าผิด เพราะไปตรงกับเจ้าอื่นที่ใช้คำว่า ”จิ๊ดจ๊าด“ เป็นชื่อแบรนด์ ดังนั้นปีนี้บริษัทจึงทุ่มงบ 10 ล้านบาท รุกทำการตลาดสื่อสารประชาสัมพันธ์เป็นครั้งแรก นับจาก 50 กว่าปีที่ดำเนินธุรกิจมา คาดหวังว่าภายใน 5 ปี มะขามแปรรูป “สารัช” จะขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ทั้งในแง่ยอดขายและท็อปออฟมายด์ในช่องทางร้านสะดวกซื้อ จากปัจจุบันสารัชอยู่ในกลุ่มท็อป 3
“สารัชถือเป็นต้นตำหรับมะขามแปรูปจิ๊ดจ๊าดเจ้าแรก โดยเริ่มขายในเซเว่นอีเลฟเว่นตั้งแต่ปี 47 เป็นต้นมา มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด ซึ่งตลาดนี้มีผู้เล่นหลักอยู่ 3 แบรนด์ แต่พอมาถึงช่วงโควิดจนถึงปัจจุบันมียอดขายเป็นอันดับ 3 จึงมองว่าถึงเวลาที่เราจะให้ความสำคัญกับการทำตลาด หลังจากที่เน้น R&D บริหารจัดการ และลงทุนด้านการผลิตเป็นหลัก โดยในส่วนนี้เราลงทุนมาเรื่อยๆ รวมแล้วใช้เงินไปกว่า 100 ล้านบาท มีกำลังผลิตเพียงพอที่จะรองรับอนาคต จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 70-80% เท่านั้น วันนี้เราจึงมีความพร้อมที่จะรุกตลาดอย่างเต็มกำลัง ที่สำคัญการทำตลาดในครั้งนี้ ยังถือเป็นการรีเฟรชแบรนด์ และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น”
สำหรับแผนการตลาดนั้น มุ่งยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสู่ตลาดโลก นำนวัตกรรมอาหารมาเสริมทัพ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ หวังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 10 รายการ ในรูปแบบที่หลากหลายที่เป็นการแปรรูปมะขามรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน จากปัจจุบันมะขามแปรรูปสารัช มีสินค้ารวมกว่า 200 SKU เฉพาะกลุ่มมะขามจิ๊ดจ๊าดมีถึง 10 รสชาติ, มะขามแก้ว 10 รสชาติ และยังมีมะขามแช่อื่ม และมะขามคลุกอีกส่วนด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีสินค้าอยู่ 4 แบรนด์ คือ สารัช (SARACH TAMARIND) จับตลาดแมส, Alisa จับกลุ่ม Youngster สาวสมัยใหม่ เน้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายยุคดิจิทัล, ASHIRA SAN จับกลุ่มเด็ก เน้นเพิ่มอรรถรสในการกิน และ SARACH GOLD เป็นแบรนด์มะขามระดับพรีเมี่ยม ซึ่งบริษัทยังมีแผนต่อยอดสินค้าเพิ่มขึ้น เช่น สกินแคร์, ฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์, สุขภาพ/ยืดอายุที่ยืนยาวขึ้น เพราะต้องการบาล้านท์ความเสี่ยง และต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะให้ความสำคัญใน 3 ส่วน คือ สินค้าแปรรูป, การผลิต/ อาคารที่ประหยัดพลังงาน และสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ
ปัจจุบันมูลค่าตลาดผลไม้แปรรูปอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เฉพาะมะขามแปรรูปมีมูลค่า 2000 ล้านบาท (รวมส่งออก) เฉพาะตลาดในประเทศมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาสารัชทำตลาดเฉพาะเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น วันนี้ได้ขยายเข้าสู่ช่องทางอื่นๆ มากขึ้นจนเกือบครบแล้ว ยกเว้นเพียงท็อปส์เท่านั้น ดังนั้นการทำตลาดครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำความเป็นต้นตำรับมะขามจี๊ดจ๊าด ซึ่งเป็นสินค้าขายดีอันดับหนึ่งของสารัช มั่นใจว่าปีนี้บริษัทจะเติบโตได้มากกว่า 30% จากรายได้ต่อปีจะอยู่ที่ 100 กว่าล้านบาท
“เป้าหมายการทำตลาดครั้งนี้ นอกจากต้องการให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์สารัชได้ ไม่เข้าใจผิดแล้ว จากนี้ต้องการเป็นที่รู้จักในชื่อสารัชมากกว่าคำว่าจิ๊ดจ๊าด เหนืออื่นใดเป้าหมายสูงสุดของเราไม่ใช่ยอดขายหรือกำไร แต่เป็นการสร้างชื่อเสียงให้มะขามเพชรบูรณ์โด่งดังในระดับโลก ถือเป็นการพัฒนาบ้านเกิดให้จังหวัดเพชรบูรณ์ให้มีชื่อเสียงด้านมะขามมากยิ่งขึ้นต่อไป” นายสารัช กล่าวปิดท้าย
อนึ่ง “มะขามสารัช” เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตมะขามแปรรูปรายแรกของอำเภอหล่มเก่า ที่แปรรูปมะขามจี๊ดจ๊าดสูตรต้นตำรับที่โดดเด่นด้วยความคิดริเริ่ม (Originality) และยังได้สร้างสรรค์รสชาติที่หลากหลาย แปลกใหม่ และแตกต่างออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในทุกเจนเนอเรชั่น ส่งผลให้บริษัทเติบโตขึ้นถึง 10-20% และจำหน่ายสินค้าได้มากถึง 7 ล้านชิ้น ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยยอดขาย 80% มาจากในประเทศ 80% และ20% จากส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย เวียดนาม สิงคโปร์ อเมริกา และประเทศในกลุ่ม EU ทั้งยังรับผลิตสินค้า OEM หรือมีรายได้จากธุรกิจสารัช 80% และจาก OEM 20%.