ผู้จัดการรายวัน 360 - "ไฮ-ไลค์ เอเจนซี่" (Hi-Like Agency) เป็นหนึ่งในบริษัทประชาสัมพันธ์ดิจิทัลแถวหน้าของประเทศไทย เดินหน้าก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 ฃ ภายใต้การนำของ "ณสิริ โสภณณสิริ" ผู้ร่วมก่อตั้งและรองกรรมการผู้จัดการหญิงแกร่งของวงการ ที่ประกาศทิศทางใหม่สู่การเป็นเอเจนซี่ด้านประชาสัมพันธ์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ (Digital PR Agency) พร้อมเผยวิสัยทัศน์ปี 2568 (ค.ศ.2025) ว่าเป็น "ปีแห่ง Digital PR ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ Data สู่ความสำเร็จทางธุรกิจ" อย่างแท้จริง
จากจุดเริ่มต้นที่บริษัท ไฮ-ไลค์ เอเจนซี่ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเพื่อตอบโจทย์การสื่อสารยุคใหม่ในสังคมดิจิทัล ปัจจุบันบริษัทสามารถก้าวขึ้นเป็นพาร์ตเนอร์ทางกลยุทธ์ขององค์กรชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งเทคโนโลยี อุตสาหกรรมยานยนต์ การเงิน การศึกษา สุขภาพ อสังหาริมทรัพย์และสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ มากมายด้วยแนวทางการทำงานที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ เข้ากับความแม่นยำของข้อมูล และเครื่องมือดิจิทัลอย่างลงตัว
นางสาวณสิริ โสภณณสิริ ผู้ร่วมก่อตั้งและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮ-ไลค์ เอเจนซี่ จำกัด เปิดเผยว่า “การก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 ของไฮ-ไลค์ เอเจนซี่ เป็นการประกาศบทใหม่ของวงการ PR ที่จะเปลี่ยนจาก 'การสื่อสาร' เป็น 'การขับเคลื่อนธุรกิจ' ผ่านพลังของข้อมูลและเทคโนโลยี AI ซึ่งจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำ PR อย่างแท้จริงในปี 2568” โดยที่ AI และ Data คือหัวใจของการสื่อสารยุคใหม่ โดยในปีที่ผ่านมา ไฮ-ไลค์ เอเจนซี่ ได้พัฒนาศักยภาพของทีมงาน อย่างต่อเนื่องในการนำระบบวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค (Consumer Insights Analytics), แพลตฟอร์มบริหารจัดการสื่อ (Media Intelligence), รวมถึงการนำระบบ AI มาใช้ในการวิเคราะห์เนื้อหาสื่อ สร้างบทความอัตโนมัติ และวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และวัดผลได้ชัดเจน
นางสาวณสิริ กล่าวว่า “AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่มาช่วยเสริมศักยภาพทีมงานในการตัดสินใจให้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น ในขณะที่ Data ทำให้เราสามารถสื่อสารในเวลาที่ใช่ ช่องทางที่ใช่ และกับคนที่ใช่ นั่นคือหัวใจของ Digital PR ที่แท้จริง”
จาก PR สู่ Business Driver ในโลกธุรกิจยุคใหม่ที่ทุกองค์กรต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว PR จึงไม่ใช่เพียงแค่การสร้างภาพลักษณ์หรือสื่อสารแบรนด์อย่างเดียวอีกต่อไป แต่เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริหารและนักลงทุน, กระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางดิจิทัล, หรือแม้แต่การบริหารจัดการวิกฤตในยุคที่ข้อมูลสามารถแพร่กระจายได้ในเวลาไม่กี่วินาที “องค์กรที่มอง PR เป็นเพียงงานสื่อสารจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ องค์กรที่เห็น PR เป็น Business Driver ต่างหากที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2025”
วิสัยทัศน์ 3 เสาหลัก: Insight, Impact และ Innovation เพื่อขับเคลื่อนองค์กรและลูกค้าไปสู่ความสำเร็จในยุค Digital PR อย่างแท้จริง ไฮ-ไลค์ เอเจนซี่ ได้วางกรอบกลยุทธ์ใหม่ภายใต้แนวคิด “3i for 2025” ได้แก่:
1. Insight – การทำความเข้าใจเชิงลึกจากข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้บริโภค แนวโน้มสังคม หรือกระแสข่าว เพื่อกำหนดทิศทางการสื่อสารที่ตรงจุด
2. Impact – การออกแบบและส่งมอบแคมเปญที่สามารถวัดผลได้จริง ทั้งในแง่ของการรับรู้ (Awareness), การมีส่วนร่วม (Engagement), จนถึงผลกระทบทางธุรกิจ (Business Outcome)
3. Innovation – การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI, Big Data, MarTech รวมถึง Generative Content มาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์และการบริหารจัดการแบบเรียลไทม์
ไฮ-ไลค์ เอเจนซี่ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำในกลุ่มธุรกิจหลากหลาย อาทิ ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ที่เน้นการสื่อสารเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคสู่การใช้พลังงานสะอาด, ธุรกิจสุขภาพ-ความงามที่ต้องการสร้าง Engagement กับผู้บริโภคยุคใหม่บนโลกออนไลน์ และกลุ่มธุรกิจการเงิน-อสังหาริมทรัพย์-เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการสื่อสารเชิงนวัตกรรมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำในตลาด “เราเชื่อว่า PR ที่ดี ไม่ได้วัดแค่จากยอดสื่อเท่านั้น แต่ต้องวัดจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงต่อธุรกิจและสังคมอีกด้วย” นางสาวณสิริกล่าวเสริม
ในปี 2568 ไฮ -ไลค์ เอเจนซี่ เตรียมเดินหน้าขยายขีดความสามารถของทีม Digital PR และพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการสร้างเครือข่าย Virtual PR Team ที่สามารถทำงานข้ามพรมแดน รองรับลูกค้าระดับอาเซียน พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาแนวคิดของแพลตฟอร์ม Digital PR Dashboard ที่สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสื่อและพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งอยู่ระหว่างการวิจัยและออกแบบเพื่อเปิดตัวในอนาคตอันใกล้
“ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว การสื่อสารต้องเร็วกว่า แต่ก็ต้องแม่นยำและมีความหมาย ทำให้ปี 2025 จะเป็นปีที่ PR ไม่ใช่แค่เรื่องของการสื่อสารและแบรนด์เท่านั้น แต่คือเรื่องของการสร้างอนาคตร่วมกันระหว่างองค์กรและผู้คน”
