ผู้จัดการรายวัน 360 – สมาคมผู้ค้าปลีกไทยชุดใหม่ เดินหน้ารุก ชี้ปีนี้ไทยเผชิญปัจจัยลบหนัก ทั้งอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้า แผ่นดินไหว หนี้ครัวเรือนสูง สินค้าด้อยคุณภาพทะลักเข้าไทย นอมินีผุดเป็นดอกเห็ด จี้รัฐแก้ปัญหาด่วน
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยในปี 2568 นี้ ต้องเผชิญกับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การฝ่าวิกฤตการค้าของโลก ผลกระทบจากการที่อเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก ภาวะผลกระทบจากแผ่นดินไหว และภาวะหนี้ครัวเรือน ซึ่งปัจจัยลบเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคาดว่าผลกระทบจะเห็นชัดในช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะต้องติดตามและหาทางรับมืออย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ทางสมาคมฯคาดว่าคงจะต้องวางกรอบและช่วงเวลาในการที่จะเข้าพบกับทางรัฐบาล แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไร
ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายสำนักทางด้านเศรษฐกิจมีการคาดการณ์กันว่า จีดีพีของไทยในปี 2568 นี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.7% - 3% แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้คาดว่าจีดีพีจะลดลงไปประมาณ 1%-1.4%
“ทิศทางของธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีหลัง จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก การเติบโตจะชะลอตัวลง โดยในช่วงปี 2567-2568 โตเฉลี่ย 3.4% (1.36 แสนล้านบาท) เทียบกับในช่วงปี 2565-2566 ที่โต 5.9% จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กำแพงภาษีสหรัฐฯ กำลังซื้อผู้บริโภคที่ฟื้นตัวช้า รวมถึงการแข่งขันรุนแรงกับแพลตฟอร์มค้าปลีกต่างชาติอย่าง E-Commerce (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย)” นายณัฐ กล่าว
ทั้งนี้ปี2567 ที่ผ่านมาพบว่า ภาคค้าปลีกในไทยมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านล้านบาท โดยมี สัดส่วนมูลค่าใน GDP สูงเป็นอันดับ 2 หรือคิดเป็น 16% ของขนาดเศรษฐกิจทั้งประเทศ (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย)
อย่างไรก็ตามในเรื่องของกำแพงภาษีที่สหรัฐตั้งไว้เพิ่มขึ้นจากไทยเป็น 37% จะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยไม่ตำกว่า8 แสนล้านบาทนั้น คงต้องจับตาดูต่อไป เพราะทางสหรัฐมีการเลื่อนออกไปก่อน อีกทั้งต้องรอการเจรจาระหว่างทีมเจรจาของไทยที่จะไปประชุมหารือกับทางสหรัฐอเมริกาด้วยว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนปัญหาเรื่องสินค้าที่ด้อยคุณภาพและมีราคาถูกจากจีนจะทะลักเข้าไทยนั้น ก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะเมื่อสินค้าจีนไม่สามารถเข้าอเมริกาได้ง่ายละมากเหมือนเดิม ก็ต้องหาทางหาตลาดส่งออกใหม่ในการะบายสินค้าเหล่านั้น และไทยเองก็อาจจะเป็นเป้าหมายหนึ่งของสินค้าจากจีน ซึ่งเดิมสินค้าที่ไม่มีคุณภาพก็มีเข้ามาอยู่ก่อนแล้ว ที่เข้ามาผ่านช่องทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆและจากผู้ประกอบการรายย่อยข้ามแดน เป็นต้น ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มของเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์เสริมต่างๆ เป็นต้น
รวมไปถึงการป้องกันและปราบปรามธุรกิจนอมินีต่างๆที่เข้ามาในไทยจำนวนมากในระยะหลังนี้จนน่าเป็นห่วงต่อผู้ประกอบการของไทย
นอกจากนั้นยังต้องมีมาตรการในกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวด้วยการส่งเสริมให้ไทยเป็น Shopping Paradise ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผ่าน 2 มาตรการสำคัญ ได้แก่ นโยบาย Instant Tax Refund คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ทันที ณ ร้านค้า ให้กับนักท่องเที่ยวที่มี ยอดซื้อสินค้าขั้นต่ำ 3,000 บาทขึ้นไป และ แซนด์บ็อกเขตปลอดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าไลฟ์สไตล์ (Free Tax Zone) ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันท่ามกลางสงครามการค้าโลก
