อลังการสมการรอคอยสมกับเป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลก สำหรับงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น โดยมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมงานจำนวน 158 ประเทศ
สำหรับอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ตั้งอยู่ในพื้นที่ A13 โซน Connecting Lives เป็นหนึ่งในอาคาร Self-Build Pavilion มีการออกแบบและดำเนินการก่อสร้างเอง โดยนำศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยโบราณผสานเข้ากับวิธีก่อสร้างสมัยใหม่ที่งามสง่า โดดเด่นด้วยการออกแบบหลังคาที่เป็นลักษณะ “ทรงจอมแห” ให้เป็นทรงครึ่งจั่วประกอบกับการใช้ผนังกระจกขนาดใหญ่ขนาบข้างอาคารยาวตลอดแนวเป็นการสร้างเทคนิคภาพสะท้อน ทำให้เห็นความเป็นสถาปัตยกรรมของไทย อันสมบูรณ์และงดงามแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา
ถือเป็น 1 ในพาวิลเลี่ยนที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยผู้เข้าชมส่วนมากให้ความสนใจกับการจัดแสดงนิทรรศการภายในอาคารทั้ง 3 ห้องที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและนวัตกรรมด้านการแพทย์ของไทย ประกอบด้วย
ห้อง THAI WISDOM ประกอบไปด้วย
โซน 1 หมุดหมายสุขภาพโลก: จุดถ่ายภาพเพื่อแชร์ “ดินแดนแห่งความกินดียู่ดี” ให้ทั่วโลกได้รู้จัก โดยสแกน QR Code จากบอร์ดนิทรรศการเพื่อเล่น AR ทำการปักหมุดเฉลว ณ อาคารนิทรรศการไทย ให้ทั่วโลกได้รู้จักประตูบานแรกที่เปิดให้ก้าวเข้ามาสัมผัสดินแดนแห่งความกินดี อยู่ดีสไตล์ไทยๆ
โซน 10 มนต์เสน่ห์ของประเทศไทย: เข้าถึงภูมิวิถีแบบไทย ๆ ผ่านวิถีการอยู่กับธรรมชาติ การกินตามฤดูกาล รวมไปถึงแง่งามของวัฒนธรรมประเพณี และยิ้มสยามเอกลักษณ์ที่ทั่วโลกยอมรับและคุ้นเคย โดยถ่ายทอดผ่านแอนิเมชันเเละสื่อ Interactive พร้อมเดินทางตามหาเคล็ดลับอายุวัฒนะในประเทศไทย ดินแดนแห่งความมั่งคั่งด้านสุขภาพ ผ่านการจัดแสดงแบบ Immersive Experience ภายในโรงภาพยนตร์ Wisdom of life Immersive Theater มหรสพรูปแบบใหม่ที่ถ่ายทอดความงดงามของภูมิวิถี, ธรรมชาติ, ความเป็นเลิศด้านการแพทย์, การบริการเเละรอยยิ้มของผู้คน ด้วยจอฉายภาพขนาดยักษ์ สูงกว่า 5 เมตร พร้อมระบบแสงสีเสียงสุดล้ำแบบจัดเต็ม มอบประสบการณ์ที่สมจริง เกินจินตนาการ ที่ช่วยสร้างภูมิทางกาย และภูมิทางใจให้แข็งแกร่ง ซึ่งทั้งหมดนี้คือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณในแบบเฉพาะ ของคนไทย เป็นอีกหนึ่งโซนที่ผู้ชมต่างพากันให้ความสนใจต่อแถวเพื่อเข้าชม
ห้อง THAI MEDICAL AND WELLNESS HUB ประกอบไปด้วย
โซน 100 ศักยภาพสาธารณสุขไทย: นำเสนอผ่าน Projection Mapping พร้อมวัตถุจัดแสดงรอบห้องกว่า 100 สิ่ง ที่สื่อถึงระบบสาธารณสุขที่ดี โครงการที่ดี ความร่วมมือที่ดี ภายใต้นโยบาย Thailand Medical hub
อาทิ โครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติ, งานวิจัยที่โดดเด่น, นวัตกรรมทางการแพทย์ของไทยที่โดดเด่น อาทิ นวัตกรรม AI คัดกรองเบาหวานที่ตา ฟองน้ำห้ามเลือด จากแป้งข้าวเจ้า ผลิตผลจากเกษตรกรรมไทย กระดูกทดแทนจากเทคโนโลยี 3 มิติ หุ่นยนต์ดินสอ ช่วยดูแลผู้สูงวัย ฯลฯ
โซน 1,000 สถานบริการทางการแพทย์: นำเสนอศักยภาพทางการแพทย์และการบริการ ของไทยที่ได้มาตรฐานในระดับสากล ผ่านทัชสกรีนที่สามารถเข้าถึงการรักษา 15 กลุ่มโรคที่นักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์นิยมมารักษาที่ไทย ผ่านโรงพยาบาลในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล ตลอดจนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่นำเสนอสปา เวลเนส รวมทั้งบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ได้รับมาตรฐาน Thai World Class Spa และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของไทย
ภายในส่วนจัดแสดงนี้ผู้ชมสามารถสัมผัสประสบการณ์ผ่อนคลายผ่านห้องจัดแสดง RHYTHM OF THAI NATURE THERAPY นำเสนอสุขภาพดีแบบไทย ผ่านธาตุทั้ง 4 ตามหลักเเพทย์เเผนไทยที่สื่อถึงการป้องกัน เสริมสุขภาพ เเละการรักษาสมดุลทั้งทางร่างกายเเละจิตใจ ผ่านเสียงเเละทัศนียภาพธรรมชาติจากดินเเดนไทย ด้วยภาพ Visual ธรรมชาติผสมผสานเสียงบรรยากาศทั้ง 3 ฤดูกาลของประเทศไทย เพื่อพาผู้เข้าชมมาผ่อนคลายผ่านประสาทสัมผัส ได้แก่ การมองเห็น, การได้กลิ่น, การได้ยิน และการสัมผัส เสมือนยกเมืองไทยมาไว้ในงาน ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ รอบห้องจัดแสดงยังนำเสนอศักยภาพทางการแพทย์ของไทยผ่านการจัดอันดับที่ทั่วโลกยอมรับ เช่น ประเทศที่ฟื้นตัวและรับมือสถานการณ์ โควิด-19 ได้ดีที่สุด ประเทศที่มีกิจกรรมเชิงสุขภาพและสถานบริการเพื่อสุขภาพดีติดอันดับโลก ฯลฯ เสมือนข้อพิสูจน์ว่าประเทศไทยเป็นหมุดหมายปลายทางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างแท้จริง
โซน 10,000 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ: เรียนรู้เรื่องราววัตถุดิบและอาหารไทย ผ่านโซนจัดแสดงต่าง ๆ ได้แก่ “เกมรังสรรค์เมนูสุขภาพสไตล์คุณ” ที่สามารถเลือกรังสรรค์เมนูไทย เช่น แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ต้มยำ ฯลฯ ในสไตล์ของตัวเองได้ผ่าน Art Wall Installation โดยมีหลากหลายวัตถุดิบไทยให้เลือกรังสรรค์ เช่น พริก หอมแดง กระเทียม ข้าวโพดอ่อน มะเขือม่วง ฯลฯ สอดคล้องไปกับแนวทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ส่งเสริมให้ทั่วโลกบริโภคผักและผลไม้ให้หลากหลาย ครบ 5 สี รับชม “อาหารไทยติดอันดับโลก” ซึ่งผู้ชมสามารถเลือกดูเมนูอาหารติดอันดับผ่าน Interactive Table เช่น ผัดกะเพรา ผัดไทย มัสมั่น ฯลฯ ทั้งยังต่อยอดเป็นเมนูฟิวชั่นต่าง ๆ เช่น พิซซ่ากะเพราไข่ดาว เกี๊ยวซ่าผัดไทย สเต็กซอสมัสมั่น ฯลฯ พร้อมรู้จักกับ “สำรับอาหารไทย 4 ภาค” ที่จำลองเมนูสุขภาพของแต่ละภูมิภาคซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบไทย เช่น น้ำพริกปลาทู (ภาคกลาง) ขนมจีนน้ำเงี้ยว (ภาคเหนือ) แกงอ่อมปลาดุก (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) แกงขมิ้นไตปลา (ภาคใต้) และ“Display อาหารแห่งอนาคต” ที่จัดแสดงนวัตกรรมอาหาร ที่พัฒนาเพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ในอนาคต ซึ่งผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากสนุกสนานไปกับการรังสรรค์เมนูไทยตามสไตล์ของตัวเอง ถึงขนาดต้องถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้เพื่อนำไปลองทำเป็นสูตรอาหารของตนเอง
ห้อง THAI LIVING LAB ประกอบไปด้วย
โซน 100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกัน: พบกับ Open kitchen Experience โชว์ทำอาหารที่คัดสรรอาหารไทยยอดนิยม อาทิ ส้มตำไทย, ต้มยำกุ้ง, ข้าวเหนียวไก่ย่าง, แกงเขียวหวานไก่, แกงมัสมั่นไก่, ผัดไทยกุ้งสด, ข้าวมันไก่, ข้าวซอยไก่, ต้มข่าไก่, ข้าวกระเพราไก่, แกงแพนงหมู และ ข้าวผัดกุ้ง มาสลับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดการจัดงาน และแน่นอนว่าในโซนนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากจนต้องเข้าคิวเพื่อรอชมโชว์และทานอาหารไทย ในส่วนพื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยได้คัดสรรสุดยอดสินค้าดี สินค้าเด่นของไทย รวมถึงโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ทั้งยังมีกิจกรรมเวิร์คช็อปทำถุงหอม ที่สามารถรังสรรค์กลิ่นจากสมุนไพรไทย มาทำเป็นถุงหอมในแบบฉบับของตนเอง เมื่อทำเสร็จสามารถนำกลับไปใช้ หรือเป็นของฝากได้ นับเป็นเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก สำหรับกิจกรรมเวิร์คช็อปจะหมุนเวียนมาให้ผู้เข้าชมงานได้เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น แต่งกายชุดไทย, สาธิตการทำอาหารไทย, ธรรมชาติไทยบำบัด และนวดไทย
ปิดท้ายด้วยโซน 1,000,000 รอยยิ้มแห่งความประทับใจ: พื้นที่รวบรวมล้านความรู้สึกประทับใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ได้มีส่วนร่วมแบ่งปันรอยยิ้มให้กับคนทั่วโลก พร้อมลุ้นรับส่วนลดที่พัก สปา&เวลเนส เเละห้องอาหาร ให้ไปสัมผัสวิถีไทยครบทุก 5 สัมผัส
นอกเหนือจากนั้น บริเวณด้านหน้าอาคารมีเวทีกิจกรรมจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัยนำเสนอภายใต้แนวคิด “ยิ้มสยามงามสู่สังคมโลก” เผยแพร่วัฒนธรรม ประเพณี และเสน่ห์ที่หลากหลายผ่านการแสดงที่สลับหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน สร้างความสนุกและประทับใจให้แก่ผู้มาเข้าชมจากทั่วโลก รวมถึงการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมร่วมกับประเทศต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ประเทศไทยกับนานาประเทศ ทั้งยังมี “น้องภูมิใจ” มาสคอตประจำอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ทำหน้าที่เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวของประเทศไทย พร้อมต้อนรับผู้ชมจากทั่วโลกด้วยยิ้มสยามอย่างเป็นอบอุ่น จริงใจ อีกด้วย
งาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ตั้งแต่วันนี้ – 13 ตุลาคม 2568 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
ภายในส่วนจัดแสดงนี้ผู้ชมสามารถสัมผัสประสบการณ์ผ่อนคลายผ่านห้องจัดแสดง RHYTHM OF THAI NATURE THERAPY นำเสนอสุขภาพดีแบบไทย ผ่านธาตุทั้ง 4 ตามหลักเเพทย์เเผนไทยที่สื่อถึงการป้องกัน เสริมสุขภาพ เเละการรักษาสมดุลทั้งทางร่างกายเเละจิตใจ ผ่านเสียงเเละทัศนียภาพธรรมชาติจากดินเเดนไทย ด้วยภาพ Visual ธรรมชาติผสมผสานเสียงบรรยากาศทั้ง 3 ฤดูกาลของประเทศไทย เพื่อพาผู้เข้าชมมาผ่อนคลายผ่านประสาทสัมผัส ได้แก่ การมองเห็น, การได้กลิ่น, การได้ยิน และการสัมผัส เสมือนยกเมืองไทยมาไว้ในงาน ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ รอบห้องจัดแสดงยังนำเสนอศักยภาพทางการแพทย์ของไทยผ่านการจัดอันดับที่ทั่วโลกยอมรับ เช่น ประเทศที่ฟื้นตัวและรับมือสถานการณ์ โควิด-19 ได้ดีที่สุด ประเทศที่มีกิจกรรมเชิงสุขภาพและสถานบริการเพื่อสุขภาพดีติดอันดับโลก ฯลฯ เสมือนข้อพิสูจน์ว่าประเทศไทยเป็นหมุดหมายปลายทางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างแท้จริง
โซน 10,000 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ: เรียนรู้เรื่องราววัตถุดิบและอาหารไทย ผ่านโซนจัดแสดงต่าง ๆ ได้แก่ “เกมรังสรรค์เมนูสุขภาพสไตล์คุณ” ที่สามารถเลือกรังสรรค์เมนูไทย เช่น แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา ต้มยำ ฯลฯ ในสไตล์ของตัวเองได้ผ่าน Art Wall Installation โดยมีหลากหลายวัตถุดิบไทยให้เลือกรังสรรค์ เช่น พริก หอมแดง กระเทียม ข้าวโพดอ่อน มะเขือม่วง ฯลฯ สอดคล้องไปกับแนวทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ส่งเสริมให้ทั่วโลกบริโภคผักและผลไม้ให้หลากหลาย ครบ 5 สี รับชม “อาหารไทยติดอันดับโลก” ซึ่งผู้ชมสามารถเลือกดูเมนูอาหารติดอันดับผ่าน Interactive Table เช่น ผัดกะเพรา ผัดไทย มัสมั่น ฯลฯ ทั้งยังต่อยอดเป็นเมนูฟิวชั่นต่าง ๆ เช่น พิซซ่ากะเพราไข่ดาว เกี๊ยวซ่าผัดไทย สเต็กซอสมัสมั่น ฯลฯ พร้อมรู้จักกับ “สำรับอาหารไทย 4 ภาค” ที่จำลองเมนูสุขภาพของแต่ละภูมิภาคซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบไทย เช่น น้ำพริกปลาทู (ภาคกลาง) ขนมจีนน้ำเงี้ยว (ภาคเหนือ) แกงอ่อมปลาดุก (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) แกงขมิ้นไตปลา (ภาคใต้) และ“Display อาหารแห่งอนาคต” ที่จัดแสดงนวัตกรรมอาหาร ที่พัฒนาเพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ในอนาคต ซึ่งผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากสนุกสนานไปกับการรังสรรค์เมนูไทยตามสไตล์ของตัวเอง ถึงขนาดต้องถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้เพื่อนำไปลองทำเป็นสูตรอาหารของตนเอง
ห้อง THAI LIVING LAB ประกอบไปด้วย
โซน 100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกัน: พบกับ Open kitchen Experience โชว์ทำอาหารที่คัดสรรอาหารไทยยอดนิยม อาทิ ส้มตำไทย, ต้มยำกุ้ง, ข้าวเหนียวไก่ย่าง, แกงเขียวหวานไก่, แกงมัสมั่นไก่, ผัดไทยกุ้งสด, ข้าวมันไก่, ข้าวซอยไก่, ต้มข่าไก่, ข้าวกระเพราไก่, แกงแพนงหมู และ ข้าวผัดกุ้ง มาสลับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดการจัดงาน และแน่นอนว่าในโซนนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากจนต้องเข้าคิวเพื่อรอชมโชว์และทานอาหารไทย ในส่วนพื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยได้คัดสรรสุดยอดสินค้าดี สินค้าเด่นของไทย รวมถึงโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ทั้งยังมีกิจกรรมเวิร์คช็อปทำถุงหอม ที่สามารถรังสรรค์กลิ่นจากสมุนไพรไทย มาทำเป็นถุงหอมในแบบฉบับของตนเอง เมื่อทำเสร็จสามารถนำกลับไปใช้ หรือเป็นของฝากได้ นับเป็นเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก สำหรับกิจกรรมเวิร์คช็อปจะหมุนเวียนมาให้ผู้เข้าชมงานได้เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น แต่งกายชุดไทย, สาธิตการทำอาหารไทย, ธรรมชาติไทยบำบัด และนวดไทย
ปิดท้ายด้วยโซน 1,000,000 รอยยิ้มแห่งความประทับใจ: พื้นที่รวบรวมล้านความรู้สึกประทับใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ได้มีส่วนร่วมแบ่งปันรอยยิ้มให้กับคนทั่วโลก พร้อมลุ้นรับส่วนลดที่พัก สปา&เวลเนส เเละห้องอาหาร ให้ไปสัมผัสวิถีไทยครบทุก 5 สัมผัส
นอกเหนือจากนั้น บริเวณด้านหน้าอาคารมีเวทีกิจกรรมจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัยนำเสนอภายใต้แนวคิด “ยิ้มสยามงามสู่สังคมโลก” เผยแพร่วัฒนธรรม ประเพณี และเสน่ห์ที่หลากหลายผ่านการแสดงที่สลับหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน สร้างความสนุกและประทับใจให้แก่ผู้มาเข้าชมจากทั่วโลก รวมถึงการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมร่วมกับประเทศต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ประเทศไทยกับนานาประเทศ ทั้งยังมี “น้องภูมิใจ” มาสคอตประจำอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ทำหน้าที่เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวของประเทศไทย พร้อมต้อนรับผู้ชมจากทั่วโลกด้วยยิ้มสยามอย่างเป็นอบอุ่น จริงใจ อีกด้วย
งาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ตั้งแต่วันนี้ – 13 ตุลาคม 2568 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น