“สุริยะ’หวั่นภาระค่าดอกเบี้ย สั่งเร่งหารือรายละเอียดและขั้นตอนกฎหมายปมค่างานเพิ่มเติม รถไฟสายสีแดงหลังศาลปค.กลาง สั่ง รฟท.จ่ายเงิน 4,204 ล้านบาทให้เอกชนภายใน 60 วัน ตามคำชี้ขาดอนุญาโตฯ เผยสายสีแดงเปิดใช้แล้วแต่ค่าก่อสร้างบานไม่หยุดต่อทะลุแสนล้าน
รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา เมื่อ วันที่ 12 เม.ย. 2568 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 79/2564 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 79/2565 เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2565 โดยให้ รฟท.ชำระเงินให้ กิจการร่วมค้า เอส ยู ที่มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญา โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน สัญญา 1 งานโยธาสำหรับสถานีรถไฟบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง ซึ่งรฟท. ลงนามสัญญา กิจการร่วมค้า เอส ยู เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2556 ในวงเงินสัญญา 29,826,973,512 บาท ตามคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน เพิ่มเติม (Variation order - VO) จำนวน 4,204,286,694.83 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 27,654,882.90 บาท โดยให้ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เท่าที่ได้รับทราบ กรณีข้อพิพาท ค่างานเพิ่มเติม โครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน สัญญา 1 มีประเด็นที่เป็นข้อกังวลคือ เรื่องอัตราดอกเบี้ยตามข้อพิพาทซึ่งหากปล่อยเวลาให้ผ่านไป ภาระดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นทุกวัน ถ้าหากกระทรวงคมนาคมและรฟท.สู้คดีต่อแล้วสุดท้ายแพ้อีก จะทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยมากขึ้นไปด้วย โดยหลังจากหมดเทศกาลสงกรานต์ จะให้เร่งหารือกำลังหารือแนวทาง เพื่อให้รฟท.ดำเนินการ
ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ข้อพิพาทจากค่างานเพิ่มเติมงานก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง (VO) ขณะนี้ต้องดูกระบวนการตามกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ส่วนกรณีวงเงินที่เกิดขึ้นจากข้อพิพาท ต้องพิสูจน์ว่า มีเนื้องานที่เกิดขึ้นจริงเท่าไรอย่างไร ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบงานที่ทำมา เพราะสุดท้ายอาจจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรี ขอขยายกรอบวงเงินโครงการ ต้องมีรายละเอียดชี้แจงได้อย่างชัดเจน
@ดันค่าก่อสร้างรถไฟสีแดงทั้งโครงการพุ่งทะลุ 1 แสนล้านบาท
รายงานแจ้งว่า โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง มี 3 สัญญา ประกอบด้วย สัญญา 1 งานโยธาสำหรับสถานีรถไฟบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง รฟท. ลงนามสัญญา กิจการร่วมค้า เอส ยู ( บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ) เป็นผู้รับจ้าง เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2556 ในวงเงินสัญญา 29,826,973,512 บาท
สัญญา 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟช่วงบางซื่อ-รังสิต) รฟท.ลงนามสัญญา บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ ( ITD) เป็นผู้รับจ้างงาน เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2556 ในวงเงินสัญญา 21,235,400,000 บาท
สัญญา 3 (งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลรวมงานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้า) รฟท.ลงนามสัญญา กิจการร่วมค้า MHSC (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation เป็นผู้รับจ้าง วันที่ 30 มี.ค. 2559 วงเงินสัญญา 32,399,99 ล้านบาท
ข้อพิพาทสัญญาที่ 1 เกิดจาก มีงานปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม (Variation order - VO) โดยคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 79/2564 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 79/2565 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2565 ให้ รฟท. ชำระเงินให้ กิจการร่วมค้าเอส ยู ตามคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน(VO) จำนวน 4,204,286,694.83 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน27,654,882.90 บาท ซึ่งต่อมารฟท.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำอุทธรณ์
และ วันที่ 18 ต.ค. 2567 ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด โดยมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำอุทธรณ์ของรฟท.ไว้พิจารณา และแจ้งผลคำสั่งศาลปกครองสูงสุดและส่งเอกสารคืน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 24 ต.ค. 2567
ปัจจุบัน กรอบวงเงินโครงการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 จำนวน 96,868,332,434.95 บาท ซึ่งล่าสุด บอร์ดรฟท. เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2567 มีมติอนุมัติกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายระยะเวลาก่อสร้าง สัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลรวมตู้รถไฟฟ้า ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน อันเนื่องมาจากปัญหาอุปสรรค ซึ่งไม่ใช่ความผิดของผู้รับจ้าง จำนวน 938 วันเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 847,746,729.42 บาท
พร้อมทั้งอนุมัติในการปรับกรอบวงเงินโครงการรถไฟสายสีแดงเนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการขยายระยะเวลาก่อสร้างงานสัญญาที่ 1, สัญญาที่ 2, สัญญาที่ 3 รวมกันคิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,613,824,075.42 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอครม. ขปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการ จาก 96,868,332,434.95 บาทเป็น 98,482,156,510.37 บาท ส่วนกรณี ค่างานเพิ่มเติม จากสัญญา 1 ที่ศาลปกครองกลางสั่งบังคับคดี ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งรฟท.จะต้องชำระค่างาน VO อีกจำนวน 4,204 ล้านบาทไม่รวมดอกเบี้ย จะทำให้กรอบวงเงินโครงการรถไฟสายสีแดง เพิ่มเป็น 1.02 แสนล้านบาท