ทอท.คาด หยุดยาวสงกรานต์ 7 วัน (11 – 17 เม.ย.68) ท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้โดยสารกว่า 7 แสนคน เพิ่ม 10 % จากปีก่อน แนะสแกนใบหน้า Biometric เพื่อความรวดเร็ว พร้อมอำนวยความสะดวก และปลอดภัย หนุนเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมต่อทั่วประเทศ
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ตามนโยบายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้การเดินทางของประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัยตลอดเส้นทาง และเพิ่มความสะดวกในการเดินทางด้วยการเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะอย่างไร้รอยต่อ เพื่อส่งเสริมนโยบายรัฐบาลด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติสามารถเดินทางได้ตลอดปี
นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ทอท.กล่าวว่า ท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมดำเนินการตามนโยบายฯ โดยเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยได้ประมาณการจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารของท่าอากาศยานดอนเมือง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 (รวม 7 วัน) เทียบกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 พบว่า มีจำนวนเที่ยวบินรวมจำนวน 4,391 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 627 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 3.1 % โดยเฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศมีจำนวน 2,705 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 7.3 %
ส่วนจำนวนผู้โดยสาร ภาพรวมมีจำนวน 701,636 คน เฉลี่ยวันละ 100,234 คน เพิ่มขึ้น 10.8 % แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ จำนวน 282,490 คน เพิ่มขึ้น 6.9 % และผู้โดยสารภายในประเทศ จำนวน 419,146 คน เพิ่มขึ้น 13.5% และในวันที่ 11 เมษายน 2568 คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนามากที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเดินทางภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับช่วงเวลาหนาแน่นของเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Inter) ช่วงเวลา 04.00 – 05.00 น. เวลา 12.00 – 13.00 น. เวลา 15.00 – 16.00 น. และเวลา 20.00 – 21.00 น. ในขณะที่ช่วงเวลาหนาแน่นของเที่ยวบินและผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic) คือเวลา 07.00 – 08.00 น. และเวลา 20.00 – 21.00 น.
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบินของรัฐบาล ส่งผลให้ผู้โดยสารมีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ทดม. ขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาสนามบินก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน
นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ทอท.กล่าวว่า ท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมดำเนินการตามนโยบายฯ โดยเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยได้ประมาณการจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารของท่าอากาศยานดอนเมือง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 (รวม 7 วัน) เทียบกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 พบว่า มีจำนวนเที่ยวบินรวมจำนวน 4,391 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 627 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 3.1 % โดยเฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศมีจำนวน 2,705 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 7.3 %
ส่วนจำนวนผู้โดยสาร ภาพรวมมีจำนวน 701,636 คน เฉลี่ยวันละ 100,234 คน เพิ่มขึ้น 10.8 % แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ จำนวน 282,490 คน เพิ่มขึ้น 6.9 % และผู้โดยสารภายในประเทศ จำนวน 419,146 คน เพิ่มขึ้น 13.5% และในวันที่ 11 เมษายน 2568 คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนามากที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเดินทางภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับช่วงเวลาหนาแน่นของเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Inter) ช่วงเวลา 04.00 – 05.00 น. เวลา 12.00 – 13.00 น. เวลา 15.00 – 16.00 น. และเวลา 20.00 – 21.00 น. ในขณะที่ช่วงเวลาหนาแน่นของเที่ยวบินและผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic) คือเวลา 07.00 – 08.00 น. และเวลา 20.00 – 21.00 น.
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบินของรัฐบาล ส่งผลให้ผู้โดยสารมีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ทดม. ขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาสนามบินก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน
โดยท่าอากาศยานดอนเมือง ขอส่งมอบความสุขให้ประชาชนที่เดินทางมาใช้บริการ โดยจัดพื้นที่จอดรถยนต์ฟรี ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 12 เม.ย.68 จนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 16 เม.ย.68 บริเวณลานจอดหน้าอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น โดยจัดเตรียมรถให้บริการรับ - ส่ง ผู้โดยสาร บริเวณด้านหน้าอาคารจอดรถ 5 ชั้น ไปยังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ประตู 6 ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกันนี้ จัดพิธีปล่อยแถวการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ตามมาตรการในด้านการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวก จัดเตรียมชุดตรวจผสม และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมผ่านกล้อง CCTV ดำเนินการตรวจสอบตามมาตรการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน และระบบการจราจรในเขต ทดม. ตลอด 24 ชั่วโมง
ดำเนินการตรวจสอบความพร้อมรถโดยสารสาธารณะ ตรวจสภาพรถรับจ้างสาธารณะ และการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่รถรับจ้าง และตรวจสอบความปลอดภัยภายในเขตการบิน (Airside) อาทิ ทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดอากาศยาน และเครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินอากาศ ตลอดจนเส้นทางการจราจรภายในเขตการบินให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐานของกฎหมายรัฐ และสอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
จัดตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวก (Passenger Facilitation Center) และศูนย์ควบคุมสั่งการ ทดม. (DMK Single Command Center) บรูณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่กำกับดูแลความหนาแน่นของผู้โดยสารผ่านระบบ REAL-TIME Passenger Tracking System (RTPTS) อำนวยความสะดวกในการสนับสนุนข้อมูลแก่ผู้โดยสาร และติดตามสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร ให้สามารถบริหารจัดการกระบวนการผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอด 24 ชั่วโมง
จัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมคอยให้ความช่วยเหลือและแนะนำผู้โดยสาร อาทิ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ ตรวจเอกสารการเดินทาง เจ้าหน้าที่ตรวจค้น และเจ้าหน้าที่ให้บริการขนส่งสาธารณะ อำนวยความสะดวกผู้โดยสารตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดห้องน้ำ เพิ่มความถี่ในการจัด รถเข็นกระเป๋า ประสานหน่วยงานข้างเคียง เพิ่มกำลังพลเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เปิดใช้งานเคาน์เตอร์ออกบัตรโดยสาร และจัดสรรสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระอย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอต่อการให้บริการ อาทิ รถเข็นกระเป๋า จุดชาร์จแบตเตอรี่มือถือ และเก้าอี้พักคอย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
จัดสรรพื้นที่ในอาคารผู้โดยสารอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ กำหนดพื้นที่นัดหมายของกรุ๊ปทัวร์จุดใหม่ ให้ไปใช้พื้นที่ จุดนัดพบ (Meeting Point) บริเวณ ชั้น 2 อาคารบริการผู้โดยสาร (Service Hall) และเครื่องชั่งน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระเดินทาง รวมถึงการจัดพื้นที่พักคอย DMK Pax Experience Zone และห้อง Baby Care Room เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศความสุข ความผ่อนคลาย และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้โดยสาร (Enhance the Airport Experience) ก่อนออกเดินทาง
นำเทคโนโลยี Biometric เข้ามาใช้ในการให้บริการผู้โดยสาร และระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (ระบบ CUPPS) แบบครบวงจร อาทิ ระบบเช็กอินด้วยตนเอง (CUSS) และระบบโหลดกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (CUBD) นอกจากนี้ ยังได้นำระบบจัดการข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ระบบ A-CDM) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ท่าอากาศยาน สายการบิน ผู้ให้บริการภาคพื้น และผู้ให้บริการการจราจรทางอากาศ สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับการบริหารจัดการท่าอากาศยานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชัน “SAWASDEE by AOT” บริการสุดพิเศษช่วยให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวสามารถวางแผน การเดินทาง และตรวจเช็กข้อมูลบริการต่างๆ ภายในท่าอากาศยาน
จัดเตรียมบริการขนส่งสาธารณะให้แก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า – ออก ทดม. อาทิ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (RED Line SRTET) รถโดยสาร ขสมก. สาย A1 – A4 รถโดยสาร บขส. บริการรถรับจ้าง EV TAXI Grab Car และรถแท็กซี่สาธารณะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทางไปยังเมืองหลักและ เมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศ
ทดม. ได้บรูณาการความร่วมมือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อาทิ (1) บริษัทสายการบิน (2) ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพฯ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (3) สำนักงานศุลกากร ทดม. (4) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ (5) กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ทดม. เพื่อการดูแลความสะดวกให้ผู้โดยสารที่มาใช้บริการ ณ ทดม.
อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานดอนเมือง มีแผนที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสาร รองรับผู้โดยสาร 40 ล้านคน/ปี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการและการสร้างรายได้กิจกรรมเชิงพาณิชย์ ตามแผนพัฒนา ท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 เพื่อรองรับการเดินทางในอนาคต สอดคล้องกับบทบาททางยุทธศาสตร์ “ท่าอากาศยานที่รวดเร็ว และสะดวกสบาย” หรือ “Fast and Hassle-free Airport” เชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจในประเทศและระหว่างประเทศ และเชื่อมต่อการเดินทางอย่างไร้รอยต่อ เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค