“คมนาคม”หวั่นแผ่นดินไหวกระทบ “บ้านเพื่อคนไทย” เร่งรีเช็ค ความต้องการยอดลงทะเบียน 1.7 แสนคน "สุรพงษ์"ยันก่อสร้างอาคารสูงยึดตามมาตรฐานป้องกันแผ่นดินไหว เล็งรวบจับฉลากโครงการ1 และ 2 รวม 12,000 ยูนิตพร้อมกัน เข้าอยู่ 4 พื้นที่นำร่องปลายปี 69
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการบ้านเพื่อคนไทยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกกังวลกับการพักอาศัยในอาคารสูง ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมาย ขณะนี้จะมีการสอบถามกับผู้ที่ได้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติประมาณ 170,000 คน เพื่อเป็นการรีเช็คว่ายังคงยืนยันความต้องการเข้าร่วมโครงการต่อหรือไม่ โดยทางผู้ที่จะทำหน้าที่สอบถามคือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยจะมีการแจ้งผ่านข้อความสั้น (SMS) โทรศัพท์แจ้งและอีเมล์ต่อไป คาดว่าภายในเดือนเมษายนนี้น่าจะจบ
หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการจับฉลากผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าอยู่อาศัย ซึ่งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ได้ทำความร่วมมือกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการไว้แล้ว โดยกระบวนการจับฉลาก จะเริ่มต้นที่ผู้ผ่านคุณสมบัติจำนวน 170,000 คน มา จับฉลากให้ได้เลขรหัส จากนั้นจับฉลากแบ่งโซน นำจำนวนแต่ละโซนมาจับฉลากตามขนาดห้อง เมื่อได้ครบตามจำนวนห้องแล้ว จึงจะจับฉลากเลือกชั้นเป็นอันดับสุดท้าย
“โครงการระยะที่ 1 นำร่อง 4 พื้นที่ประมาณ กว่า 5,000 ยูนิค และมีโครงการที่ 2 อีก 7,000 ยูนิต รวม 12,000 ยูนิต อาจจะจับฉลากพร้อมกัน เพราะค่อนข้างมีความพร้อมแล้ว คาดว่าโครงการระยะที่ 1 กำหนดการที่จะเข้าอยู่คือช่วงปี 2569”นายสุรพงษ์กล่าวว่า
นายสุรพงษ์ย้ำว่า เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความตระหนัก ซึ่งการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหลังจากนี้จะได้เปรียบเพราะจะให้ความสำคัญกับโครงสร้างมากขึ้น ส่วนการก่อสร้างโครงการบ้านเพื่อคนไทยยึดตามกฎหมายและพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งในการก่อสร้างจะเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น และไม่ได้กระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างมากนัก เพราะโครงการบ้านเพื่อคนไทย รัฐดำเนินโครงการโดยไม่มุ่งหวังกำไรอยู่แล้ว
อยางไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมาได้รับทราบการดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทยระยะนำร่องระยะที่1 จำนวน 4 โครงการ 5,700 ยูนิต ประกอบด้วย บางซื่อ กม.11 พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ จำนวน 2,000 ยูนิต เป็นรูปแบบคอนโดมิเนียม 27 ชั้น จำนวน 3 อาคาร , ธนบุรีพื้นที่ประมาณ 21 ไร่ ,เชียงราก พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ จุดนี้จะสร้างตึกสูงประมาณ 8 ชั้น เนื่องจากอยู่ในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ และพื้นที่เชียงใหม่ พื้นที่ประมาณ 7 ไร่