กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก ส.อ.ท. เสนอรัฐรับภาระภาษีตอบโต้36%สินค้าส่งออกสหรัฐฯไปจนกว่าการเจรจาได้ข้อยุติเหมือนไต้หวัน พร้อมวางกรอบทางรอดไว้ 3 ระยะเพื่อให้อุตสาหกรรมผ่านวิกฤตินี้และแข่งขันได้
แหล่งข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ตามที่สหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs)สินค้านำเข้าจากไทยที่อัตรา 36 %มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. 68 ทางกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกอยากให้ภาครัฐช่วยเหลือโดยรับภาระภาษีนำเข้าที่ปรับขึ้น 36%ไปก่อนเหมือนกับประเทศไต้หวันที่ได้ประกาศช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมในประเทศ จนกว่าทีมงานรัฐบาลได้ข้อสรุปผลการเจรจาต่อรองกับสหรัฐเพื่อปรับลดภาษีตอบโต้ลงมา
กลุ่มพลาสติกมีการส่งออกสินค้าทั้งทางตรง(เม็ดพลาสติก)และทางอ้อม(บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ห่อหุ้มสินค้า) โดยผลกระทบสินค้ากลุ่มพลาสติกที่ขนลงเรือเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯก่อนวันที่ 9 เม.ย.2568 จะไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีตอบโต้ดังกล่าว แต่มีสินค้าจำนวนมากที่อยู่ระหว่างดำเนินการส่งออกซึ่งไม่ทันวันที่ 9เม.ย.นี้ คงต้องเสียภาษีนำเข้า 36% ซึ่งแผนระยะสั้น ทางภาคเอกชนไทยได้เร่งเจรจากับเอเยนต์และบริษัทผู้นำเข้าในสหรัฐฯเพื่อร่วมแชร์ภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างการต่อรองระหว่างรัฐบาลไทยกับสหรัฐฯไปก่อน
ส่วนแผนระยะกลาง (ช่วง3-6เดือน) รัฐบาลไทยต้องเร่งเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อลดภาษีดังกล่าวลงมา ยอมรับเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะการเปิดตลาดไทยนำเข้าสินค้าสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ย่อมมีผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ อย่างไรก็ดี อยากให้ทีมเจรจาของไทยต่อรองลดภาษีลงมาเพื่อให้ไทยมีความได้เปรียบมากกว่าประเทศคู่แข่ง เพื่อให้สินค้าไทยคงความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ
“ยอมรับว่าทางลูกค้าสหรัฐฯเองก็ยังสับสนกับนโยบายของทรัมป์ และรอความชัดเจนว่าจะสามารถเรียกคืนภาษีนำเข้าที่เสียไปก่อนได้หรือไม่ หากสามารถเรียกคืนภาษีย้อนหลังได้ การส่งออกไปสหรัฐฯก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบมาก เพราะเชื่อว่าสุดท้ายอัตราภาษีตอบโต้สหรัฐฯสินค้านำเข้าไทยไม่น่าจะสูงถึง36% ”
ส่วนแผนระยะยาว(หลัง6เดือนไป) ภาคเอกชนต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยนำเข้าเครื่องจักรใหม่เพื่อลดต้นทุนการผลิตแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ภายใต้การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ อัตราภาษี และเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากภาครัฐ รวมทั้งออกมาตรการเพื่อลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อให้ผลิตในประเทศสามารถทำตลาดได้มากขึ้น รวมทั้งเร่งเปิดตลาดใหม่เพิ่มเติม เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ส.อ.ท. ได้สั่งให้แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมไปศึกษาผลกระทบและความเสียหายมากน้อยเพียงใด เพื่อหาจุดยืนร่วมกันเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และเสนอแนวทางให้แก่รัฐบาลต่อไป