xs
xsm
sm
md
lg

ไทยเบฟจัดทัพกลุ่มฟู้ดควบแบ็กออฟฟิศ ซุ่มแบรนด์ใหม่-เป้าปีนี้ทะลุ 888 สาขา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 – เปิดแนวคิด บอสใหม่ สายธุรกิจอาหารของเครือไทยเบฟ เดินหน้าด้วยแนวคิด ONE FOODS GROUP: ONE FOOD – ONE TEAM – ONE GOAL จัดทัพในเครือพร้อมรุก ควบรวมแบ็กออฟฟิศทุกกลุ่มทุกแบรนด์รวมกัน ลุยเปิดร้านแบรนด์ใหม่อีก 2-3 แบรนด์ ขยายสาขาใหม่อีกต่อเนื่อง ตั้งเป้าทะลุ 888 สาขาสิ้นปีนี้


นายไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) กลุ่มไทยเบฟ เปิดเผยว่า หลังจากที่่ได้เข้ามารับผิดชอบในตำแหน่งดังกล่าวเมื่อไม่นานนี้ ได้ทำการวางกลยุทธ์และนโยบายดำเนินงานให้สอดคล้องกับแพชชั่น 2030ของไทยเบฟ ที่เน้น 1.การเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และ 2.การใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยประกาศวิสัยทัศน์และภารกิจภายใต้แนวคิด ONE FOODS GROUP: ONE FOOD – ONE TEAM – ONE GOAL ที่เน้นการรวมศูนย์การบริหาร แต่ยังคงความหลากหลายของแบรนด์ เสริมความเป็นหนึ่งเดียวในกลุ่มธุรกิจอาหาร เพื่อรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งเป็นการรวมการจัดซื้อ ระบบไอที ระบบหลังบ้านต่างๆที่สนับสนุนทั้งกลุ่ม

ปัจจุบันมี 3 บริษัท รวม 29 แบรนด์ ได้แก่ 1.บริษัท โออิชิ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ OISHI (โออิชิ) มีสาขารวม 284 สาขา เป็นธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น มีแบรนด์/ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่แข็งแกร่งและหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทาน ภายใต้ตราสินค้า โออิชิ อีทโตะ (OISHI EATO) อีกด้วย ,


2.บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด หรือ QSA (คิวเอสเอ) คือร้านเคเอฟซี มีประมาณ 500 สาขา และ 3. บริษัท ฟู้ด ออฟ เอเชีย จำกัด หรือ FOA (เอฟโอเอ) มี 63 สาขา ธุรกิจร้านอาหารอย่างครบวงจร ตั้งแต่อาหารไทยทั่วทุกภูมิภาค, อาหารจีน, อาหารอาเซียน, อาหารชาติตะวันตก, รวมไปถึงเค้กและเบเกอรี่ที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์

นายไพศาล กล่าวว่า ทางกลุ่มพร้อมเดินหน้าสู่ความยั่งยืน 4 เสาหลัก ขับเคลื่อนธุรกิจอาหารสู่ความสำเร็จ ได้แก่ 1.การขยายสาขา: เพิ่มจุดให้บริการในพื้นที่ใหม่ ๆ และพัฒนารูปแบบร้านให้หลากหลาย สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค 2.ยกระดับประสบการณ์: สร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย 3.เสริมศักยภาพ: พัฒนาศักยภาพพนักงานและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน และ 4.มุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืน: ลดปริมาณขยะอาหารและมีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม


ทั้งนี้ ทางกลุ่ม ลงทุนปีงบประมาณ2568นี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาและการลงทุนด้านอื่นๆ โดยช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เปิดไปแล้วประมาณ 40 สาขา ส่งผลให้ขณะนี้มีรวม 847 สาขา และคาดว่าสิ้นปีงบประมาณนี้จะมีสาขารวมทุกแบรนด์ประมาณ 888 สาขา

ช่วงที่ผ่านมาได้ทำการเปิดร้านอาหารภายใต้โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ “วัน แบงค็อก” ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 400 ล้านบาท เพื่อเป็นโชว์เคสรวมแบรนด์ร้านอาหารในเครือไว้ในที่เดียว มากถึง 15 แบรนด์ โดยใช้กลยุทธ์ "1 ร้าน 1 แบรนด์" ไม่แข่งกันเอง แต่เสริมกันครบพอร์ต คือ (1) โฮว ยู (Hou Yuu), (2) ซาคาเอะ (Sakae), (3) ชาบูชิ อิชิเทน (Shabushi ICHITEN), และ (4) โออิชิ บิซโทโระ (OISHI Biztoro) โดย OISHI (5) เคเอฟซี (KFC) โดย QSA (6) บ้านสุริยาศัย (Baan Suriyasai), (7) หม่าน ฟู่ หยวน (Man Fu Yuan), (8) แวนเทจ พอยท (Vantage Point), (9) ไฮด์ แอนด์ ซีค (Hyde & Seek), (10) ฟู้ด สตรีท (Food Street), (11) โฮมเบค บาย เอ็ม เอกซ์ (Home by mx), (12) สโมสร (Samosorn), (13) เลิศเหลา (Lert Laow), (14) คาเฟ่ ชิลลี่ (Cafe Chilli), และ (15) ช้าง แคนวาส (Chang CANVAS) โดย FOA


“การขยายธุรกิจในปัจจุบันไม่ได้มองแค่การเปิดสาขาเพิ่ม แต่ต้องมองในมิติของการขยายศักยภาพ โดยใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนและห่วงโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารเป็นไปอย่างสมดุล แข็งแรง และยั่งยืน” นายไพศาล กล่าว

นอกจากนั้นในปีนี้คาดว่าจะมีการขยายแบรนด์ใหม่เพิ่มอีก2-3 แบรนด์จากนี้ ภายใต้สังกัดของ FOA ซึ่งปีนี้ที่เปิดแบรนด์ใหม่ไปแล้ว 3 แบรนด์ คือ “ช้าง แคนวาส” ด้วยงบลงทุนกว่า 300 ล้านบาท สู่ Iconic Social Brewhouse แห่งแรกของไทย, ร้าน“สโมสร” ร้านอาหารไทยร่วมสมัย ที่ตีความรสชาติและบรรยากาศแบบไทย ๆ ให้ทันสมัย ในแบบ Modern Thai Society และ ร้าน“เลิศเหลา” ร้านเกาเหลาหม้อไฟระดับพรีเมียม ที่โดดเด่นทั้งในด้านวัตถุดิบ รสชาติ และน้ำซุปสูตรเฉพาะจากสมุนไพร 26 ชนิด

“ร้านอาหารที่เราเปิดใน วัน แบงค็อก ไม่ได้เป็นเพียงแค่การขยายจุดให้บริการ แต่คือการนำเสนอภาพรวมของพลังแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจอาหารของไทยเบฟ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ street food ไปจนถึง fine dining ซึ่งเราตั้งใจให้ที่นี่เป็นเสมือนโชว์เคสที่สะท้อนความพร้อมของกลุ่มฯ ทั้งด้านคุณภาพสินค้า บริการ ประสบการณ์ที่แตกต่าง และศักยภาพในการแข่งขันในตลาดระดับบน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นจุดเชื่อมโยงที่ดี ระหว่างแบรนด์ของเรา กับผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาไลฟ์สไตล์ที่มีความหมาย” นายไพศาล กล่าว

นายไพศาล กล่าวด้วยว่า บทบาทในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการบริหารจัดการในเชิงปฏิบัติการเท่านั้น แต่คือการขับเคลื่อน ‘FOODS GROUP’ ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเอกภาพ โดยใช้พลังของแต่ละแบรนด์ที่มีอยู่ในกลุ่ม มารวมศูนย์ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และวิธีคิด เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ใหญ่กว่าเดิม ทั้งในเชิงธุรกิจ ภาพลักษณ์องค์กร และความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว











กำลังโหลดความคิดเห็น