“เกรียงไกร”ประธานส.อ.ท. นัดประชุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมด่วนพรุ่งนี้ (4เม.ย.) หลังทรัมป์ประกาศภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ไทยโดนเก็บภาษีสูงถึง 36% จี้รัฐเร่งเจรจาต่อรองสหรัฐและหามาตรการป้องกันสินค้านำเข้าทะลักเข้าไทย หวั่นซ้ำเติมอุตฯในประเทศ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ตนได้เรียกประชุมด่วนทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาในวันพรุ่งนี้ (4เม.ย.)เพื่อระดมสมองหามาตรการต่างๆ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ซึ่งไทยถูกเรียกเก็บภาษีสูงถึง 36% มากกว่าที่ภาครัฐและเอกชนคาดการณ์ไว้เกือบ 3เท่าตัว คาดมูลค่าเสียหายจากการขึ้นภาษีดังกล่าวราว 8-9 แสนล้านบาท
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้รวบรวมข้อมูลว่าไทยมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าสูงกว่าสหรัฐฯเฉลี่ย 11%หากไทยถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้เพิ่มขึ้น 10-15% มูลค่าความเสียหายจะอยู่ที่ 7-8 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2-3 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ดี ภาครัฐและเอกชนได้ร่วมเจรจาเพื่อเตรียมการรับมือนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯล่วงหน้า เพื่อพิจารณาแลกเปลี่ยนสินค้าค่อรองกับสหรัฐ เบื้องต้นมีกรอบสินค้าเกษตรหลายตัวที่จะเปิดให้มีการนำเข้าจากสหรัฐฯมากขึ้น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื้อหมู ฯลฯ และสินค้าหนัก เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบินรบ โดรน ฯลฯ ดังนั้นภาครัฐต้องเร่งเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯอย่างด่วนไม่ใช่แค่ลดการเกินดุลการค้าสหรัฐฯเท่านั้น แต่ต้องเร่งแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาด้วย
ขณะเดียวกันเพื่อไม่ให้ซ้ำเติมภาคอุตสาหกรรมในประเทศ รัฐต้องออกมาตรการเร่งด่วนเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศไม่ให้เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศเหมือนเช่นปัจจุบัน