xs
xsm
sm
md
lg

กทพ.ประสานผู้รับเหมา-เจ้าของอาคารรื้อย้ายซากเครนติดทางด่วน “อนุทิน-ชัชชาติ” ร่วมถกคาดใช้วิธีรัดกับตึกกันร่วงซ้ำก่อนตัดทีละชิ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กทพ.เร่งสำรวจเครนหักห้อยติดทางด่วน ประสานวิศวกร-ผู้รับเหมาและเจ้าของตึก วางแผนรื้อซากเครนออกหวังเร่งเปิดจราจรทางขึ้นด่านดินแดงเร็วที่สุด “อนุทิน-ชัชชาติ”ร่วมหารือประเมินคาดมัดเครนติดกับตึกกันร่วงซ้ำ ก่อนค่อยๆ ตัดออกเป็นท่อนๆ “ผู้ว่าฯกทพ.”ยืนยันโครงสร้างทางด่วนแข็งแรง


วันนี้ (29 มี.ค.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ตรวจความคืบหน้าร่วมกับการทางพิเศษแห่งแห่งประเทศไทย (กทพ.) และทีมวิศวกร ที่ทางขึ้นและทางลงบริเวณดินแดง ทางด่วนเฉลิมมหานคร ในการเร่งรื้อย้ายเครนที่หักและห้อยอยู่กับตัวอาคาร โดยกทม.ได้คณะทำงานฯ เข้ามาทำงานร่วมกับกทพ.

นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า จุดทางด่วนที่เครนก่อสร้างอาคารด้านข้างหัก แม้จะอยู่ที่ตึกแต่อยู่ติดทางด่วน ทำให้ กทพ.ต้องปิดการจราจร ทางขึ้นลง ด่านดินแดง ซึ่งเป็นจุดสำคัญกระทบต่อการจราจรของกรุงเทพอย่างรุนแรง ซึ่งในการรื้อย้ายซากเครนดังกล่าวลงมา มีขั้นตอนและเป็นหน้าที่ของบริษัทผู้รับเหมา โดยขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยดูแลให้คำแนะนำ ทั้งจาก กรมโยธาธิการ กทพ. กทม. และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เพื่อดำเนินการย้ายซากเครนออกให้เร็วที่สุด

หลักการ จะตัดเครนออกเป็นท่อนๆ และค่อยๆ โรยชิ้นส่วนเครนที่ตัดออกลงมาด้านล่าง ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหน ต้องรอคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นฯ หารือทางเทคนิคก่อน ซึ่งก็ต้องการให้ทำเร็วที่สุด ตอนนี้ยังบอกชัดไม่ได้เพราะทีมผู้เชี่ยวชาญจะต้องเข้าไปในตัวอาคาร ว่าตัวเครนที่หักนั้น ยังมีการต่อเชื่อมที่มั่นคงแค่ไหน และต้องประเมินทั้งหมดก่อน และใช้วิธีการที่มีความปลอดภัยสูงสุด และสร้างความมั่นใจกับประชาชน เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำ แล้วทำให้ทางด่วนเกิดความเสียหาย เพราะยิ่งจะต้องใช้เวลาซ่อมอีกนาน

นายชัชชาติ ระบุว่า การก่อสร้างอาคารติดกับทางด่วนก็มีกฎหมายกำหนดระยะห่างอยู่ รวมถึงป้าโฆษณาต่างๆ ซึ่งเครนถือเป็นโครงสร้างชั่วคราว จึงเกิดความอ่อนไหวได้มากเมื่อเกิดแผ่นดินไหว จึงเกิดความเสียหายได้


นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าฯกทพ.กล่าวว่า กทพ.ได้หารือกับผู้รับเหมาและเจ้าของอาคาร ในการวางแผนรื้อย้ายเครนเพื่อเร่งเปิดการจราจร ทางขึ้น-ลง ด่านดินแดงให้เร็วที่สุด ซึ่งกยกทพ.ได้ใช้การบินโดรน เพื่อสำรวจดูสภาพเครนที่อยู่ด้านนอกอาคารทั้งหมดแล้ว ในขณะที่วันนี้ (29 มี.ค.) มีการประสานจากเจ้าของอาคาร ทำให้ทีมวิศวกรคณะทำงานฯที่กทม.ตั้งขึ้นและผู้รับเหมา และกทพ.สามารถเข้าไปภายในอาคารได้แล้ว และ จากนั้นจะนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจทั้งด้านนอกและด้านในอาคารมาประเมินเพื่อวางแผนวิธีการรื้อซากเครน โดยภายในเย็นวันนี้ (29 มี.ค.)จะมีการประชุมร่วมผ่านซูม ร่วมกับคณะทำงานฯของกทม. เพื่อกำหนดวิธีการดำเนินการที่ชัดเจนต่อไป

เครนดังกล่าวมีน้ำหนักประมาณ 6 ตัน ประเมินจุดที่หักจากด้านบนอาคารลงมาความยาว 30-40 เมตร หลักการเมื่อสำรวจสภาพเครน รอยต่อต่างๆ แล้วไม่มีจุดอ่อนไหว จะใช้วิธีรัดเครนเข้าไว้กับกับโครงสร้างหลักของอาคารก่อนเพื่อป้องกันการเคลื่อนหล่นร่วงลงมาบนทางด่วน ซึ่งหากตกลงวิธีการได้ การรัดเครนดังกล่าวจะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 1 วัน


ทั้งนี้คณะกรรมการด้านความปลอดภัยจะเข้าประเมินอีกครั้งก่อนเพื่อความมั่นใจ ว่าสามารถเปิดการจราจรทางขึ้นลงด่านดินแดง ทางด่วนเฉลิมมหานครได้ ซึ่งหลายฝ่ายก็อยากให้เปิดทางขึ้นลงด่านดินแดง ให้ทันวันจันทร์ที่ 31 มี.ค.68 ที่เป็นวันเปิดทำงานซึ่งกทพ.รับทราบและจะพยายามอย่างเต็มที่โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตามในการตัดชิ้นส่วนเครนจะดำเนินการในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งอาจจะมีการปิดการจราจรในช่วงเวลากลางคืนเพื่อให้มีความปลอดภัยมากที่สุด และคาดว่าจะใช้เวลาเป็นสัปดาห์กว่าจะตัดเครนออกทั้งหมด

สำหรับเครนที่เกิดหลุดออกจากตำแหน่งและหล่นใส่ทางด่วนเกิดความเสียหาย และยังมีซากเครที่ติดค้างอยู่กับตัวอาคารมี บริษัท 27 วิศวกรรม จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยเป็นการก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม ขนาด 29 ชั้น โครงการแอสปาย วิภา-วิคตอรี่” มีบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นเจ้าของโครงการ ตั้งอยู่บริเวณถนนอโศก-ดินแดง เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2567


@ยืนยันทางด่วนทุกสายโครงสร้างแข็งแรง

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย รายงานข่าว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม2568 ช่วงเวลา13:25 น. กทพ.ได้ดำเนินการตรวจสอบฉุกเฉินตามแนวทางในคู่มือการตรวจสอบโครงสร้างทางพิเศษ โดยได้ดำเนินการตรวจสอบทุกสายทางพิเศษ พบว่า โครงสร้างทางพิเศษไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว และมีความมั่นคงแข็งแรง

ในส่วนของความปลอดภัยต่อการขับขี่ การทางพิเศษฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบรอยต่อเผื่อขยาย บริเวณผิวจราจรโดยพบว่าไม่มีการอ้าตัวออก หรือเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่ง




กำลังโหลดความคิดเห็น