สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ระดับ 96.18 หดตัวร้อยละ 3.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การบริโภคเอกชนชะลอตัว แต่มีปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและการส่งออก ประกอบกับรัฐบาลดำเนินมาตรการเศรษฐกิจต่อเนื่อง หนุนกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ระดับ 96.18 หดตัวร้อยละ 3.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 59.01 โดยปัจจัยที่ส่งผลลบต่อภาคการผลิต ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับที่สูง ส่งผลให้การบริโภคเอกชนยังคงชะลอตัว นอกจากนี้มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่เก็บภาษีเพิ่มขึ้นกับประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า อาจส่งผลต่ออุตสาหกรรมและผู้ประกอบการไทยที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากการที่สินค้าประเทศจีนทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวยังคงเป็นปัจจัยบวกกับภาคเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้รับอานิสงส์ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้าและเครื่องประดับ เป็นต้น ขณะเดียวกันการค้าระหว่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง มีมูลค่าส่งออกรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นการขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 17.2 และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยานรบ) ขยายตัวร้อยละ 17.1 โดยสินค้าส่งออกหลักที่ขยายตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
นายภาสกร กล่าวว่าระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทย เดือนมีนาคม 2568 “ส่งสัญญาณปกติเบื้องต้นและมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในระยะ 4-6 เดือนข้างหน้า” โดยปัจจัยภายในประเทศ อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังตามความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและความเชื่อมั่นทางธุรกิจมีระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ด้านปัจจัยต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ปกติเบื้องต้นตามการขยายตัวของความเชื่อมั่นทางธุรกิจและแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนการผลิตยูโรโซนอยู่ในภาวะเฝ้าระวังลดลงตามผลผลิตที่เริ่มมีทิศทางดีขึ้น
“จากดัชนี MPI ที่ปรับลดลง สศอ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้เดินหน้าดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดเป้าหมายมาตรการสนับสนุนทั้งระยะสั้น กลาง ยาว รวมถึงโครงการเร่งด่วนให้เกิดผลเร็ว(Quick Win) ในอุตสาหกรรม 9 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา สศอ.ได้สนับสนุนการสร้างความพร้อมของระบบนิเวศข้อมูลสำหรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือเชิงวิชาการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และสถาบันยานยนต์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย หวังกระตุ้นดัชนี MPI ให้กลับมาฟื้นตัวได้ ” นายภาสกร กล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.70 ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบที่มากกว่าปีก่อน ,ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.41 เนื่องจากผู้ผลิตหลายรายผลิตสินค้าที่ผ่านการรับรอง EUDR เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากจีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป ,สัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.75 จากผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋อง เป็นหลัก เนื่องจากการเร่งผลิตเพื่อสต๊อกสินค้าหลังราคาปลาทูน่าปรับตัวลดลง
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.71 จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งไฮบริดขนาดต่ำกว่า 1,800 ซีซี รถยนต์นั่งขนาดเล็กและใหญ่ เป็นหลัก เนื่องจากการชะลอตัวของตลาดในและต่างประเทศ,ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.88 จากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันก๊าด เป็นหลัก เนื่องจากผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตเพื่อซ่อมบำรุง , น้ำมันปาล์ม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 28.58 ตามปริมาณผลปาล์มที่เข้าสู่โรงงานลดลงจากปัญหาภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ผลปาล์ม ยังคงมีราคาสูง