ผู้จัดการรายวัน 360 – “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค” เดินเกมรุก ทุ่มพันล้าน ขยายไลน์ผลิตเป๊ปซี่ โหมหนักตลาดกลุ่มไม่มีน้ำตลาด ควบคู่กับสินค้าดาวรุ่ง พร้อมรีแบรนด์ใหญ่มิรินด้ากับเซเว่นอัพ ยันยังไม่ปรับราคาช่วงนี้แม้ภาษีความหวานมาแล้ว
นายทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี2568บริษัทจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตทั้งเครื่องดื่มอัดลม (Carbonate Soft Drink/ CD) และไม่อัดลม (Non Carbonate Soft Drink/NCD) เพิ่มอีก 2 ไลน์ผลิตที่โรงงานสระบุรีที่เดิม เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของตลาด และยอดขายรวมของบริษัทที่จะเติบโตขึ้่นด้วย คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ปลายปีนี้ ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่หลังจากที่ซันโทรี่ควบรวมกับเป๊ปซี่โค ในไทยเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา
ผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมา มียอดขายรวม เติบโต 8.2% ซึ่งมากกว่าการเติบโตของตลาดรวมถึง 2 เท่า ส่งผลให้เครื่องดื่มน้ำอัดลมของบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม 2.7% ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มน้ำดำโคล่าไม่มีน้ำตาล โต 16.1% ส่งผลให้ตลอดของการรวมบริษัทกันเมื่อ7 ปีที่ผ่านมา เติบโตมากกว่าตลาดรวม 5 เท่า
นอกจากนั้นตลาดที่เป็นดาวรุ่งของบริษัทก็ยังมีอีกหลายผลิตเช่น ในกลุ่มของเอนเนอร์จี้ดริ้งค์ หรือเครื่องดื่มให้พลังงาน ที่มีมูลค่ารวมมากกว่า 20,000 ล้านบาท ที่แบ่งเป็น แบบเก่าขวดแก้ว ราคา 10 กว่าบาท ตลาดนี้มีสัดส่วน 93% ของตลาดรวม ส่วนอีกแบบคือ โมเดิร์นเอนเนอรจี่ดริ้งค์ ที่มีสัดส่วน 7% ของตลาดรวม แต่เป็นตลาดที่เติบโตมาก ซึ่งบริษัทฯมีการส่งแบรนด์ สติ้งค์ ทำตลาดเมื่อปีที่แล้ว ได้รับการตอบรับดีอยู่ในอันดับ2 ของตลาด มีแชร์ 12% แล้ว อีกกลุ่มคือ กาแฟและชาพร้อมดื่ม ที่บริษัทมีแบรนด์ บอส กับ ทีพลัส ทำตลาด ซึ่งเติบโตต่อเนื่อง
ปัจจุบัน เป๊ปซี่ มีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มน้ำดำโคล่า 39.1% และตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 40% ซึ่งในสภาพรวมแล้วตลาดน้ำดำโคล่ายังคงเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนตลาดน้ำอัดลมรวม ด้วยสัดส่วนมากกว่า 75% แต่คาดว่าอีก 3 ปีจะเหลือประมาณ 70% แต่ฐานตลาดที่ใหญ่ขึ้น
ส่วนแบรนด์มิรินด้ากับเซเว่นอัพ ปีนี้จะทำการรีแบรนด์ครั้งใหญ่เพื่อรุกตลาด
อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีความหวานเฟสที่ 4 ที่จะเริ่มวันที่ 1 เมษายนนี้ ทางบริษัทยังไม่มีมาตรการปรับราคาแต่อย่างใดในจังหวะนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น ดังน้้นสินค้ากลุ่มไม่มีนำ้ตาลก็เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตดี และบริษัทก็มุ่งเน้นออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มไม่มีน้ำตลาดมากขึ้น
นายทานุจ กล่าวว่า บริษัทวาง กลยุทธ์ ‘Must Win’ เป็นกุญแจสำคัญในการทำตลาดประกอบด้วย
1) เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม โดยส่งผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล ส่งผลให้เครื่องดื่มเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 16.1%
2. ขยายกลุ่มนวัตกรรมเครื่องดื่ม นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและความอร่อย
3. สร้างความสำเร็จร่วมกับคู่ค้า ขยายฐานคู่ค้าทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ทเหมาะสมกับแต่ละช่องทางการจำหน่าย เน้นการใช้เทคโนโลยี AI เสริมศักยภาพการขาย สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว
4. ส่งเสริมการเติบโตระยะยาวด้วยการผลิตที่มีประสิทธิภาพและมุ่งสู่ความยั่งยืน
นายอนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด กล่าวว่า “ความสำเร็จของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เกิดจากการที่เราเน้นทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับพวกเขา ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งความใส่ใจเรื่องสุขภาพที่มีมากขึ้น การใช้จ่ายเงินเพื่อแลกกับการได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน รวมถึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคา”
ทั้งนี้ โดยภาพรวมแล้วตลาดเครื่องดื่มยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มในกลุ่มน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาล ทั้งในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มให้พลังงาน โดยเราเดินเกมรุกตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ใกล้ชิดกับกลุ่ม Gen Z มากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมแกร่งเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในกลุ่มชาและกาแฟพร้อมดื่มพรีเมียม ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงขยายการเติบโตในกลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงาน ผ่านแคมเปญการตลาด 360 องศา ให้เข้าถึงผู้บริโภค ทั่วประเทศ