- • เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมรองรับการย้ายฐานการลงทุนจากต่างชาติ
- • รวมถึงการลงทุนพลังงานสะอาดและโครงการใหม่ๆ
- • ตั้งเป้ายอดขายที่ดินนิคมฯ ในไทยและต่างประเทศ 3,000 ไร่
“กลุ่มอมตะ”ทุ่มเงินปีนี้กว่า 7พันล้านบาทลุยซื้อที่ดินในอีอีซี เพื่อพัฒนานิคมฯรองรับการย้ายฐานการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งยังไม่นับรวมถึงการลงทุนพลังงานสะอาดและโครงการใหม่ที่เกี่ยวข้อง ตั้งเป้ายอดขายที่ดินนิคมฯทั้งในไทยและต่างประเทศ 3,500ไร่ เติบโตกว่าปีก่อนกว่า 15% แย้มปีนี้พร้อมเปิดขายพื้นที่ นิคมอมตะ ซิตี้ นาหม้อ เขตเศรษฐกิจใหม่ สปป.ลาว ประตูค้าเชื่อมไทย-จีน
นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า ปี2568 บริษัทฯเตรียมงบลงทุนในไทยไว้ไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดินและพัฒนาที่ดินทำนิคมฯรองรับการลงทุนจากภาคอุตสาหกรรม โดยเน้นซื้อที่ดินในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)เน้นจังหวัดระยองและชลบุรี
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินทั้งในไทยและต่างประเทศรวม 3,500 ไร่ เติบโตจากปีก่อนมากกว่า 15% แบ่งเป็นการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในไทย 2,500ไร่ เวียดนาม 500ไร่ และลาว 500ไร่ โดยประเทศเวียดนามที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี และยุโรป เป็นต้น
ในปี 2568 เป็นปีที่มีความท้าท้าย จากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในประเทศที่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า ปัญหาค่าครองชีพ และหนี้ครัวเรือน และปัจจัยภายนอกประเทศ อย่างภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ 2.0 ทำให้เกิดการขยายฐานการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงไปยังประเทศที่มีศักยภาพ ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ และมีความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นกลุ่มอมตะ จึงได้เตรียมความพร้อมในการเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการด้านสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
ณ สิ้นปี2567 บริษัทฯมีกระแสเงินสดประมาณ 5 พันล้านบาท และยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนอยู่จำนวนมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งแผนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย นิคมฯอมตะซิตี้ ชลบุรี ,นิคมอุตฯอมตะซิตี้ ระยอง และนิคมฯไทย- จีนนั้น ทางกลุ่มอมตะจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางด้านพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญา “ALL WIN” ถือเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายโอซามู ซูโด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมความพร้อมในด้านการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและนำนวัตกรรมพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ เพื่อรองรับการลงทุนใน5 อุตสาหกรรมเป้าหมายหลักตามนโยบายของรัฐบาลทั้ง 1. อุตฯยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วน 2. อุตฯเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) 3.อุตฯ ดิจิทัล Data Center และ Cloud Region 4. อุตฯอาหารแห่งอนาคต และ 5. พลังงานหมุนเวียน โดยจีนยังมีทิศทางของการย้ายฐานการลงทุนต่อเนื่อง เป็นผลมาจากมาตรการการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ผู้ประกอบการจีนมีการวางแผนย้ายฐานการผลิต เพื่อการบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
นายวรงค์ ตังประพฤทธิ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะซิตี้ ลาว จำกัด กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม อมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ ในสปป.ลาว ปัจจุบันมีทั้งหมด 20,000 ไร่ เป็นที่ดินที่พร้อมพัฒนาแล้ว จำนวน 5,600 ไร่ ซึ่งนิคมฯดังกล่าวถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจแห่งใหม่ของสปป.ลาวที่กลุ่มอมตะได้นำนวัตกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมาพัฒนาและจะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเป็นประตูการค้าสู่ประเทศจีนตอนใต้ โดยอาศัยเส้นทางรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่ห่างจากชายแดนจีนเพียง 40กิโลเมตร
ล่าสุด ทางนิคมอุตสาหกรรม อมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ ในสปป.ลาวได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนสูงสุดในภูมิภาค และสิทธิการส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุน โดยการได้รับยกเว้นภาษี 30 ปี สำหรับผู้ลงทุนใน 7 ปีแรกที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร เพื่อสนับสนุนการใช้วัตถุดิบภายในให้มีมูลค่ามากขึ้น,อุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์พลังงานทดแทน,อุตสาหกรรมผลิตยานยนต์และอาหาร,อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า