xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนน้ำมันฯ เดินหน้ารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันที่ 27 มีนาคมนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะครบรอบ 46 ปี 
หลังจากรัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้น ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ สร.0201/9 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2522 

เหตุเพราะราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2516 ส่งผลให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยสูงขึ้นตามไปด้วย คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในขณะนั้นจึงได้ออกพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2516 โดยมีสาระสำคัญ กำหนดให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจออกคำสั่งต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงให้ทันต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา

กระทั่งปี 2522 กลุ่มประเทศผู้ส่งออกปิโตรเลียม (OPEC) ได้ประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบ 4 ครั้ง เพื่อเป็นการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้มีเสถียรภาพ ไม่ต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกครั้งที่ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลง ปีเดียวกันรัฐบาลจึงได้จัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้น 

วีระพล จิรประดิษฐกุล นักวิชาการอิสระ ระบุถึงบทบาทกองทุนน้ำมันว่า รัฐบาลทุกสมัยใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเครื่องมือในการลดผลกระทบต่อประชาชน ในยามที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น กองทุนน้ำมันจะช่วยจ่ายชดเชยบางส่วนให้ผู้ค้าน้ำมัน เพื่อตรึงราคาไว้ชั่วคราว 

เมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงจนไม่ต้องจ่ายชดเชยราคาขายปลีก เงินที่เคยจ่ายชดเชยก็จะถูกเรียกเก็บกลับมาไว้ในกองทุนน้ำมัน เพื่อรองรับกับราคาที่จะแพงในรอบใหม่ ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันเป็นทั้งบวกและลบ

ในช่วงที่ติดลบ กองทุนน้ำมันได้ชะลอการจ่ายให้แก่ผู้ค้าน้ำมันช้าลง (หรือเรียกว่าติดหนี้ไว้ก่อน โดยไม่มีดอกเบี้ย) ทำให้มีผลกระทบต่อผู้ค้าน้ำมัน และกองทุนน้ำมัน ไม่สามารถกู้เงินได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นนิติบุคคลจนกระทั่งในช่วงปี 2545-2546 

เมื่อรัฐบาลนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันไว้นานจนกองทุนน้ำมันติดลบประมาณ 82,000 ล้านบาท รัฐบาลจึงได้จัดตั้งสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) ขึ้น มีหน้าที่หลักในการจัดหาเงินให้กองทุนน้ำมันนำมาชดเชยราคาน้ำมัน เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไม่ให้สูงกว่าที่คณะรัฐมนตรีกำหนด 

ในอดีตประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันมากถึง 90% ของการใช้ทั้งหมด รัฐบาลจึงมีนโยบายลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันต่างประเทศ โดยส่งเสริมให้มีการนำเชื้อเพลิงในประเทศที่ผลิตจากพืชพลังงาน (เชื้อเพลิงชีวภาพ) 

ปี 2544 เริ่มส่งเสริมให้มีการใช้เอทานอลผสมในน้ำมันเบนซิน เรียกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ แต่เนื่องจากเอทานอลมีค่าความร้อนน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน เมื่อนำไปผสมเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์จะทำให้กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ยิ่งผสมมากก็ทำให้กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ดังนั้น จึงใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปชดเชยเพื่อให้ราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มากขึ้น และมีการยกเว้นภาษีสรรพสามิตในส่วนของเอทานอลที่นำมาผสมในน้ำมันเบนซิน 

นอกจากนี้ ในช่วงแรกก็มีคนใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์น้อยอยู่ จึงใช้กลไกกองทุนน้ำมันเพื่อชดเชยให้มีค่าการตลาดสูงกว่าน้ำมันเบนซิน เพื่อเป็นการส่งเสริมการขาย จึงจะเห็นได้ว่ากองทุนน้ำมันมีการเก็บเงินเข้ากองทุนของน้ำมันเบนซิน แต่ชดเชยแก่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ชนิดต่างๆ ในอัตราต่างๆ กัน เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์

สำหรับการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซลก็เช่นเดียวกัน โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันไปชดเชย หรือเก็บเข้ากองทุน รวมทั้งลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันบี100 เพื่อให้น้ำมันไบโอดีเซลชนิดต่างๆ เช่น บี7 บี10 และบี20 มีราคาที่แตกต่างกัน โดยราคาน้ำมันไบโอดีเซลบี10 ถูกกว่าบี7 และบี20 ถูกกว่าบี10 เพื่อให้คนหันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลเหมือนกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 

การส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันไบโอดีเซลโดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมัน นอกจากเป็นการลดการนำเข้าน้ำมันดิบ ลดมลพิษและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังใช้เงินกองทุนน้ำมันเป็นกลไกในการขายและพยุงราคาพืชผลการเกษตร เช่น อ้อย มันสำปะหลัง และปาล์ม เป็นต้น 

ตัวอย่าง ถ้าราคาปาล์มดิบตกต่ำก็จะมีการเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มผสมในดีเซลมากขึ้น เพิ่มอุปสงค์น้ำมันปาล์มในตลาด ทำให้ราคาปาล์มก็จะสูงขึ้น ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่ากองทุนน้ำมันเป็นกลไกในการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากพืชพลังงาน รวมทั้งเป็นกลไกในการพยุงราคาพืชผลทางการเกษตรด้วย

นอกจากนั้น กองทุนน้ำมันยังเข้าไปชดเชยราคาแก๊สหุงต้ม หรือ LPG ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา โดยตรึงราคาแก๊สหุงต้มไว้ไม่เกิน 363 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม กระทั่งการระบาดของโควิด-19 ก็ได้ตรึงราคาไว้ที่ 318 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงเดือนมีนาคม 2565 รวมเงินที่ใช้ตรึงราคาแก๊สหุงต้มกว่า 29,000 ล้านบาท

สรุปในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา เข้าสู่ปีที่ 46 กองทุนน้ำมันถูกใช้โดยรัฐบาลเป็นกลไกในการพยุงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ให้สูงขึ้นเกินเพดานที่รัฐบาลแต่ละยุคกำหนดไว้ และเป็นกลไกในการส่งเสริมการใช้พืชพลังงานที่ผลิตได้ในประเทศ เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันดิบ รวมถึงเป็นกลไกในการช่วยพยุงราคาพืชผลการเกษตร (อ้อย มันสำปะหลังและปาล์ม) เพื่อไม่ให้ราคาตกต่ำ 

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่ากองทุนน้ำมันถูกใช้เป็นกลไกทางการเมือง ทำให้บางครั้งกองทุนน้ำมันใช้ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมัน จึงได้มีการร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. … ขึ้นเพื่อยกระดับกองทุนน้ำมัน ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2547 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2547 

เพื่อเป็นกลไกในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์และความมั่นคงด้านพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศ และ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2562 

โดยกำหนดวัตถุประสงค์หลักไว้ประการเดียวในมาตรา 5 คือ เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น 

นอกจากนั้นเพื่อให้มีวินัยทางการเงิน ได้กำหนดวงเงินบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องมีวงเงินไม่เกิน 40,000 ล้านบาท และสามารถกู้เงินได้ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท 

และกำหนดให้มีการยกเลิกการชดเชยให้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ มีบทเฉพาะกาลตามมาตรา 55 ที่ยังคงให้มีการชดเชยต่อไปอีก 3 ปี คือภายในเดือนกันยายน 2565 และสามารถขยายได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี รวมทั้งหมดเป็นระยะเวลา 7 ปี 

เป็นการขยายระยะเวลาชดเชยต่อไปได้อีกจนถึงเดือนกันยายน 2569


กำลังโหลดความคิดเห็น