- • เน้นตลาดเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวและบริการครบวงจรในอาเซียน
- • มองเห็นโอกาสเติบโตสูงในภูมิภาคอาเซียน
- • ร่วมมือกับ EEC พัฒนาอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางธุรกิจ (Hub)
- • วางแผนสร้าง "หมู่บ้านเอ็มเจ็ท" ที่อู่ตะเภา เป็นศูนย์กลางใหญ่ในเอเชีย
“เอ็มเจ็ท”เดินหน้าลงทุนปี 68 อีก 1,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวและบริการครบวงจรประเทศอาเซียน ชี้ภูมิภาคนี้โอกาสตลาดเติบโตอีกมาก คุย”อีอีซี”ปักหมุดอู่ตะเภา ผุด”หมู่บ้านเอ็มเจ็ม”ฮับใหญ่เอเชีย
นายณัฏฐภัทร สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวและการบินส่วนบุคคลครบวงจรของประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อปี 2567 บริษัทฯได้ขยายการลงทุนที่ประเทศสิงค์โปร์ เพิ่มเติมจากสำนักงานและศูนย์ให้บริการที่ ประเทศ เมียนมา กัมพูชา และอินเดีย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเป็นผู้นำในตลาด เอเชียแปซิฟิกภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยในปี 2568 มีแผนการลงทุนอีกประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจบริการเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวและการบินส่วนบุคคลครบวงจร โดยเป็นการลงทุนเพิ่มที่สิงค์โปร์ ประมาณ 7-8 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ และประเทศอื่นๆเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีรอลงนามสัญญา มูลค่าประมาณ 6 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ
จากข้อมูลคาดการณ์ ธุรกิจเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวในตลาดเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตกระโดดประมาณ 20-30% เนื่องจากฐานของปริมาณเครื่องบินยังมีน้อย ตลาดจึงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับทางสหรัฐอเมริกาที่โตประมาณ 2-3% ยุโรปโตประมาณ 8% ที่มีปริมาณเครื่องบินเป็นพันลำ และมีการประเมินว่าบริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ ภายในช่วง 10 ปีนับจากนี้ จะมีการเติบโตสูงถึง 3 เท่าตัว
บริษัท เอ็มเจ็ท ได้ดำเนินการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพราะมองเห็นโอกาส จากภาพรวมด้านเศรษฐกิจที่มี บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ขยายลงทุนไปในประเทศเพื่อนบ้าน และแนวโน้มจะเติบโตต่อ ขณะที่ในประเทศเพื่อนบ้าน ยังไม่มีบริษัทที่ให้บริการเครื่องบินส่วนตัวแบบครบวงจร ซึ่งมองการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต ที่เอ็มเจ็ท ยังไม่มีสำนักงาน ทั้ง ประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม โดยจะหาจุดลงทุนทั้งการลงทุนเอง หรือร่วมกันพาร์ทเนอร์ที่มีพื้นฐานดีเข้าไปร่วมต่อยอด
“คนส่วนใหญ่ อาจจะมองว่าเครื่องบินส่วนตัวมีค่าใช้จ่าย แต่ในแง่นักธุรกิจ เจ้าของธุรกิจ หรือผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก ในการเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์ปกติ จะมีเวลาไปเจรจาธุรกิจเป็นหมื่นล้าน แสนล้าน หรือการลงทุนต่างๆ สร้างมูลค่าให้ธุรกิจ เกิดความคุ้มค่ามากกว่า ซึ่งในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด กลุ่มนักธุรกิจ ผู้บริหารบริษัท หรือองค์กรระดับสูง ที่ไม่เคยคิดจะใช้เครื่องบินส่วนตัว ได้ตัดสินใจใช้เครื่องบินส่วนตัวเดินทาง และท่องเที่ยว เป็นครั้งแรก และกลายเป็นใช้บริการประจำเพราะได้รับความสะดวกและคุ้มค่า รวมไปถึง เครื่องบินบริการทางการแพทย์รับส่งผู้ป่วยเดินทางฉุกเฉิน ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง”
@ปักหมุด”อู่ตะเภา”ผุดศูนย์MRO เครื่องบินส่วนตัว
สำหรับในประเทศไทย ขณะนี้ บริษัท เตรียมแผนลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุง เครื่องบินส่วนตัวครบวงจร ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งได้หารือกับทางนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) แล้ว โดยอยู่ในขั้นตอนนำเสนอแผนงานให้ทางอีอีซี เห็นภาพการพัฒนาโครงการฯ ในเดือนเม.ย.นี้ เบื้องต้นจะใช้พื้นที่ประมาณ 25 ไร่ และบริษัทจะเจรจาหา พาร์ทเนอร์ต่างชาติ เข้ามาร่วมลงทุน ประเมินมูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยจะทยอยการลงทุนเฟสแรกประมาณ 300 ล้านบาท ทั้งนี้ต้องประเมินการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดอีกครั้ง ซึ่งจากการหารือ อีอีซี น่าจะมีการเปิดประมูลต้นปี 2569
“ ศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบินส่วนตัวครบวงจรนั้น จะต้อง ต้องดูแผนก่อสร้างรันเวย์ที่2 สนามบินอู่ตะเภา และ โครงการศูนย์ซ่อมบำรุง (MRO) ของการบินไทย ที่จะมีการลงทุนที่อู่ตะเภา ประกอบด้วย เพื่อให้ กิจกรรมซ่อมบำรุงทั้งหมดมีส่วนสนับสนุนซึ่งกันและกันทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านซ่อมบำรุงต่อไป ”
นายณัฏฐภัทรกล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัท ทั้งรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องหลังเกิดโควิด คาดการณ์ผลประกอบการ รวมในปี 2568 จะมี EBIDA เพิ่มขึ้น 20-30% จากปีก่อน ซึ่งปี 2567 การให้บริการเครื่องบินส่วนตัวขนาดกลาง ขนาด 8 ที่นั่งขึ้นไป เฉลี่ยลำละ 700-800 ชั่วโมงต่อปี ส่วนเครื่องบินขนาดเล็ก ขนาด 6 ที่นั่ง เฉลี่ยลำละประมาณ 500 ชั่วโมงต่อปี มีการบริหารดูแลซ่อมบำรุงเครื่องบิน ให้กับกลุ่มลูกค้า เอกชนขนาดใหญ่ ประมาณ 30 บริษัท สะท้อนถึงการให้บริการของบริษัทสูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของภูมิภาค และ บริษัทเตรียม แผนจัดหาเครื่องบิน บริการพยาบาล (Air Ambulance / Medevac) จำนวน 2ลำ เพื่อทดแทนลำเดิม ในปีต่อไป 2569
ปัจจุบันเอ็มเจ็ทให้บริการใน 7 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ ได้แก่เครื่องบินรุ่น Cessna Citation Bravo จำนวน 2 ลำ Cessna Citation X 1 ลำ Gulfstream GV 1 ลำ และเครื่องบินลำล่าสุด Gulfstream G550 1 ลำ 2. บริการเครื่องบินพยาบาล 3. การบริหารจัดการเครื่องบินดูแลและบริหารจัดการเครื่องบินส่วนตัวแบบครบวงจร
4. บริการอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคลพร้อมห้องรับรองพิเศษ 5. บริการซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) 6. บริหารธุรกิจการบินส่วนบุคคลและการบริการภาคพื้นแบบครบวงจร และ 7. บริการให้คำปรึกษาและดำเนินการซื้อขายเครื่องบิน
โดยได้รับรางวัลเป็น FBO แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน IS-BAO ระดับ 3 และได้รับรางวัล Best FBO in Asia-Pacific หลายปีซ้อน รวมถึงมีดำเนินการศูนย์บริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวชั้นนำของไทย ที่สนามบินดอนเมือง