- • ใช้กลยุทธ์ C3 Approach (Collaboration, Creation, Commercialization) พัฒนาธุรกิจสีเขียว
- • มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2050
ปตท.จับมือ Sanyo Chemical พันธมิตรญี่ปุ่น เดินหน้าผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมชูกลยุทธ์ C3 Approach เพื่อปรับพอร์ตสู่ Green Business ช่วยให้กลุ่ม ปตท.บรรลุเป้าหมาย "Net Zero" ปี ค.ศ. 2050
นายรัฐกร กัมปนาทแสนยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งกลุ่ม ปตท.มีการปล่อยคาร์บอนราว 50 ล้านตันเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย จะใช้กลยุทธ์ C3 Approach ประกอบด้วย Climate-resilience business โดยเป็นการปรับพอร์ตโฟลิโอให้ไปสู่ Green Business มากขึ้น ลดการใช้ฟอสซิลลงในเหมาะกับช่วงเวลา และบริหารต้นทุนลดลง โดยได้ลงทุนพลังงานหมุนเวียนผ่านบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) การถอนตัวจากธุรกิจเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซีย และลงทุนใน Green Product ร่วมกับพันธมิตรอย่างซันโย เคมิคอล จำกัด ในการผลิตสินค้าเกรดพิเศษและไบโอพลาสติก Carbon conscious business โดยใช้เทคโนโลยีในการลดการปล่อยคาร์บอนโดยตรง และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยปตท.กำหนด MissionX ช่วยลดคาร์บอนและยังเพิ่มกำไร หรือใช้วิธีลงทุน Clean Energy
Coalition-co creation and collective efforts for all ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญทำให้ ปตท.เข้าสู่ Net Zero ภายใต้ความร่วมมือ ส่วนสำคัญที่จะไปให้ถึงเป้า Net Zero เน้นการลงทุน 2 โครงการใหญ่ทั้งโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage : CCS) และการใช้ไฮโดรเจน ทั้งนี้ ปตท.จะร่วมมือกับ Sanyo Chemical ในการใช้วัตถุดิบจากประเทศไทยต่อยอดผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือร่วมกัน โดยซันโยฯ เสนอมา 4-5 ผลิตภัณฑ์ที่ ปตท.สนใจ
ก่อนหน้านี้ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC จับมือพันธมิตรญี่ปุ่นทั้ง Sanyo Chemical และ Toyota Tsusho จัดตั้งบริษัท GC Polyols เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายโพลีออลส์ ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับการผลิตโพลียูรีเทนในพื้นที่ Eastern Economic Corridor (EEC) โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นประกอบด้วย PTTGC 82.1%, SCI 14.9% และ TTC 3%
นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท.จะใช้เทคโนโลยีในการเก็บคาร์บอนจากอากาศมากักเก็บในสภาพของเหลวก่อนส่งไปกักเก็บในพื้นที่ใกล้ฝั่งทะเลภาคตะวันออก ปริมาณดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราว 10 ล้านตันต่อปี โดย ปตท.ทำหน้าที่สร้าง infrastructure
นายรัฐกรกล่าวว่า ปัจจุบัน ปตท.อยู่ระหว่างเร่งผลักดันธุรกิจใหม่ด้าน CCS ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ในโครงการนำร่องที่แหล่งอาทิตย์ ซึ่งจะกักเก็บคาร์บอนได้ราว 1 ล้านตันคาร์บอนในหลุมก๊าซฯที่ไม่มีก๊าซธรรมชาติแล้ว คาดว่าจะเห็นโครงการ CCS ดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี ค.ศ. 2035 ก่อนไฮโดรเจนที่เบื้องต้นจะเป็นการนำเข้าไฮโดรเจนเข้ามาผสม 5% ในก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าปี ค.ศ. 2030