- • รฟท.วางแผนปรับโครงสร้างค่าโดยสารรถไฟ แต่ยืนยันไม่กระทบกลุ่มเปราะบาง จะเสนอให้รัฐชดเชยผ่านบัตรสวัสดิการ
- • รฟท.ร่วมมือกับ สทร.พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตหัวรถจักรในประเทศ
รฟท.ปักธงกลางปีนี้ ประมูลปรับปรุงติดแอร์รถไฟชั้น 3 นำร่อง 40 คัน ตั้งงบ 295 ล้านบาท เล็งรื้อโครงสร้างค่าโดยสาร ยันไม่กระทบกลุ่มเปราะบางชงรัฐชดเชยผ่านบัตรสวัสดิการ ขณะที่ MOU สทร.พัฒนาเทคโนโลยีนำร่อง วางโมเดลรถแอร์ เป้าหมายหวังผลิตหัวรถจักรเอง
วันที่ 14 มีนาคม 2568 นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับ ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ระบบราง (องค์การมหาชน) (สทร.) เพื่อร่วมมือพัฒนา 3 ด้านหลัก ได้แก่ การผลิตและพัฒนาบุคลากรให้มีขีดความสามารถสูง สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรม การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางราง ลดพึ่งพา การนำเข้า และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมและการขนส่งทางรางของประเทศ
นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า รัฐบาลมีโยบายและยุทธศาตร์สำคัญในการพัฒนาระบบราง เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยลงทุนหลายแสนล้านบาท พัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ระยะทางกว่า 300 กม.โดยจะแล้วเสร็จปี 2568 ในขณะที่ต้องเร่งจัดหารถจักร ล้อเลื่อน เพื่อนำมาใช้ในการให้บริการเพื่อให้ระบบขนส่งครบวงจรแต่เนื่องจากไทยยังต้องนำเข้ารถจักรและตู้โดยสาร จากต่างประเทศทำให้มีต้นทุนสูงและมีปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุงในอนาคต จึงมีการจัดตั้ง สทร.ขึ้นเพื่อเป็นองค์กรหลักในการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อนำองค์ความรู้มาส่งต่อกับทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนในประเทศ ซึ่งหลังจากนี้ สทร.จะลงนามความร่วมมือกับ กระทรวงอุตสาหกรรม และภาคเอกชนเพื่อต่อยอดไปถึงการผลิตรถจักรต่อไป
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าฯรฟท.กล่าวว่า รฟท.และสทร.ได้ทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีเป้าหมายร่วมกันพัฒนาและผลิตต้นแบบรถจักร รถโดยสาร และรถสินค้า รวมถึงชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อรองรับการขนส่งระบบรางอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของตู้รถไฟโดยสารชั้น 3 ปรับอากาศ ให้มีความสะดวกสบาย ทันสมัย รวมถึงพัฒนาต้นแบบ ตู้โดยสารเชิงท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟไปพร้อมกัน
ซึ่งขณะนี้รฟท.เตรียมปรับปรุงรถโดยสารชั้น 3 (พัดลม) จำนวน 40 คันในปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 295.60 ล้านบาท เฉลี่ยประมาณ 7.45 ล้านบาทต่อคัน เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเปลี่ยนเบาะที่นั่งและติดระบบปรับอากาศ และปรับปรุงห้องน้ำเป็นระบบปิด และเปลี่ยนแหล่งจ่ายไฟฟ้า เป็นตู้ Power Car เพื่อป้อนเข้าตู้โดยสารปรับอากาศแทนพลังงานจากเครื่องยนต์ ผ่านกระบวนการวิจัยทดสอบแล้ว จะทำให้ขบวนรถมีน้ำหนักเบาลง และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่างทีโออาร์และราคากลาง ส่วนโมเดลต้นแบบที่สทร.นำเสนอนั้นรฟท.ต้องดูว่า จะอยู่ภายใต้กรอบวงเงินและราคากลางหรือไม่ด้วย
“เสนอฝ่ายการพัสดุแล้ว เพื่อดำเนินการ ตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐฯ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (E-biding) คาดว่าจะเผยแพร่ประกาศเชิญชวนและเปิดประกวดราคาได้ประมาณเดือน มิ.ย.-ส.ค.2568 ได้ผู้รับจ้าง และลงนามสัญญาจ้างกับผู้ชนะประมาณเดือน ธ.ค.2568 เริ่มปรับปรุงต้นปี 2569 ระยะเวลาปรับปรุงคันละ ประมาณ 3 เดือน ซึ่งคันแรกจะเสร็จและเริ่มทยอยนำออกให้บริการได้กลางปี 2569 เนื่องจากจะต้องถอนรถออกจากบริการในเส้นทางเพื่อนำมาเข้ากระบวนการปรับปรุง ซึ่งจะต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน “
และในปี 2569 จะปรับปรุงอีก 50 คัน (เดิมจะปรับปรุง 90 คัน) โดยรฟท.มีรถบริการเชิงสังคม หรือรถพัดลมประมาณ 500 คัน อายุใช้งาน 30 – 60 ปี (อายุเฉลี่ย 37ปี) ซึ่งการปรับปรุงจะเลือกรถที่ยังมีสภาพดีและอายุการใช้งานไม่มากนักและเหมาะสมกับการใช้บนทางรถไฟใหม่ที่มีความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม.ด้วย ดังนั้นอาจจะมีบางส่วนที่ต้องปลดระวาง
นายวีริศกล่าวว่า ปัจจุบันรถไฟมีผู้โดยสารประมาณ 32 ล้านคนต่อปี โดยเป็นผู้โดยสารรถชั้น 3 (พัดลม) สัดส่วน 60% ของผู้โดยสารทั้งหมด โดยให้บริการรถบริการเชิงสังคม ประมาณ 100 ขบวนต่อวัน ที่ผ่านมา เก็บค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุนและเสนอขออุดหนุนบริการเชิงสังคมจากรัฐบาลแต่ได้รับงบประมาณรายปีไม่เท่ากับที่เสนอ ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินสะสม ขณะที่รัฐมองว่า ผู้โดยสารใช้รถเชิงสังคมต่ำกว่าความสามารถในการรองรับ ส่วนรถไฟต้องวิ่งบริการทุกวัน ทำให้สูญเสียค่าใช้จ่ายมาตลอด จึงเห็นว่าเมื่อรถร้อนเปลี่ยนเป็นรถปรับ อากาศทั้งหมด ประชาชนได้รับบริการเท่าเทียมกัน จะมีการปรับโครงสร้างค่าโดยสารใหม่ ตามแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟ
“รฟท.จะเสนอแนวทางการบริการ จากเดิมที่กำหนดว่า รถร้อน เป็นรถบริการเชิงสังคม หรือ PSO ต่อไปไม่มีรถร้อนแล้ว ประชาชนทุกคนจะได้รับบริการรถปรับอากาศเท่าเทียมกัน ส่วนค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้นจะมีบัตรสวัสดิการช่วยเหลือ ซึ่งจะขอขยายผู้ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลไปที่กลุ่มผู้สูงอายุ นักเรียน นักศึกษา ให้ครอบคลุมมากขึ้น ดังนั้นการปรับค่าโดยสารจะไม่กระทบกับผู้มีรายได้น้อย”
@MOU สทร. พัฒนาต้นแบบลุยผลิตรถจักรใช้เอง
ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง กล่าวว่า ตามแนวคิดจะมีการพัฒนารถไฟปรับอากาศต้นแบบขึ้นมา โดยจะนำข้อมูลที่ได้จากการรับฟังความเห็นผู้ใช้บริการว่าต้องการรถโดยสารแบบใด และนำมาออกแบบและต้องมีการทดสอบความปลอดภัยด้วย ซึ่งภายในปลายปีนี้รถโดยสารปรับอากาศต้นแบบจะออกมา และจะขยายไปสู่การพัฒนาออกแบบและผลิตหัวจักรและขบวนรถไฟเอง ซึ่งจะมีภาคอุตสาหกรรมที่อยู่ในระบบซัปพลายเชนทั้งหมด เข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากเมื่อระบบรถไฟทางคู่เสร็จทั่วประเทศ จะต้องมีขบวนรถและหัวรถจักรเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการขนส่งทางรางที่เพิ่มขึ้น