- • เส้นทางนี้จะเสริมสร้างการคมนาคมขนส่งระหว่างไทย-สปป.ลาว
- • คาดว่าจะขอรับงบประมาณในปี 2572 เพื่อเริ่มก่อสร้าง
- • โครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2575
กรมทางหลวงศึกษา สำรวจและออกแบบพัฒนาโครงข่ายทางหลวงแนวใหม่เชื่อม ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก-จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ เสริมคมนาคมไทย-สปป.ลาว คาดของบปี 72 ก่อสร้างเสร็จปี 75
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า สำนักสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวง ได้เร่งดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบทางหลวงขนาด 4 ช่องจราจร ทางหลวงแนวใหม่เชื่อม ต.ม่วงเจ็ดต้น อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์-จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งตามแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ที่จะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว และเป็นไปตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ดำเนินการโครงการสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับจุดผ่านแดนถาวรภูดู่เป็นด่านการค้าชายแดนถาวร สังกัดด่านศุลกากรทุ่งช้าง นับเป็นจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว แห่งที่ 3 ของประเทศไทยที่เชื่อมต่อกับแขวงไซยะบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านม่วงเจ็ดต้น ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ โดยประชาชนใช้ถนนบ้านม่วงเจ็ดต้น-ด่านภูดู่ เป็นเส้นทางสายหลักในการเดินทาง
ปัจจุบันสภาพถนนเดิมมีขนาด 2 ช่องทางจราจร (ไป-กลับ) มีไหล่ทางแคบ แนวถนนคดโค้งและลาดชัน ทำให้ผู้ใช้ทางไม่ได้รับความสะดวกและปลอดภัย อีกทั้งแนวเส้นทางบางช่วงตัดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้น 2 เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด และอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ซึ่งเส้นทางดังกล่าวไม่สามารถรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มมากขึ้นจากการขนส่งสินค้าได้
กรมทางหลวงได้เล็งเห็นความสำคัญอันเป็นผลประโยชน์ต่อประชาชน จึงได้ดำเนินโครงการทางหลวงแนวใหม่ โดยการออกแบบแนวเส้นทางเน้นความเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ ศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด
โครงการมีจุดเริ่มต้นโครงการบนทางหลวงหมายเลข 117 สายนครสวรรค์-ม่วงเจ็ดต้น กม.ที่ 396+340 ตัดผ่านพื้นที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าอุตรดิตถ์ที่ 8 ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1268 ผ่านพื้นที่เกษตรกรรม ตัดผ่านพื้นที่เนินเขาและช่องเขา และสิ้นสุดที่จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ (บริเวณด่านภูดู่-เขตชายแดน สปป.ลาว) รวมระยะทางประมาณ 5.345 กิโลเมตร มีรูปแบบโครงการก่อสร้างเป็นทางหลวง ขนาด 4 ช่องจราจร (ไป-กลับ) ช่องจราจรกว้าง 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้าง 2.50 เมตร ผิวทางคอนกรีต ก่อสร้างทางแยกต่างระดับ (Flyover) และสะพานโค้ง (Arch Bridge) บนทางหลวงหมายเลข 1268 สายเหมืองแพร่-ปางไฮ พร้อมการจัดภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อแสดงอัตลักษณ์ของจังหวัดอุตรดิตถ์
ปัจจุบันกรมทางหลวงได้รับอนุญาตเข้าศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการจากกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า และดำเนินการเก็บตัวอย่างคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด และพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตามแนวเส้นทางโครงการ จากนั้นจะจัดทำร่างมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อเผยแพร่ข้อมูลก่อนการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่โครงการต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินการเสนองบประมาณได้ในปี 2572 และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี พ.ศ. 2575 โครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายทางหลวง อำนวยความสะดวกในการเดินทางและเพิ่มศักยภาพการค้าชายแดนกับ สปป.ลาว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้าน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน