xs
xsm
sm
md
lg

GEN Z ปลุกตลาดหนังสือมังงะ นิยาย “บอยเลิฟ-เกิร์ลเลิฟ” พุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • เจน Z ช่วยกระตุ้นตลาดมังงะให้กลับมาเติบโต
  • • นิยายอีบุ๊คขายดี โดยเฉพาะแนว "บอยเลิฟ-เกิร์ลเลิฟ" เป็นกลุ่มหลัก
  • • ตลาดหนังสือโดยรวมเติบโต 10-15% มูลค่าประมาณ 16,000-17,000 ล้านบาท


ผู้จัดการรายวัน 360 - จับตาเจน Z ผู้เข้ามาปลุกกระแสหนังสือการ์ตูนมังงะให้กลับมาคึกคักดังอดีต ไล่บี้นิยายอีบุ๊คที่ขายดีและตอบโจทย์ผู้ใหญ่มากกว่า ชี้นิยาย “บอยเลิฟ-เกิร์ลเลิฟ” ครองบัลลังก์พาภาพรวมตลาดหนังสือโตอีก 10-15% สู่ 16,000-17,000 ล้านบาทในปีนี้ ล่าสุด PUBAT จัดใหญ่ “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53” คาดมีผู้เข้าร่วมงาน 1.3 ล้านคน ยอดขายสะพัด 420 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นอีก 10% จากปีก่อน


นายสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า ทิศทางของภาพรวมตลาดหนังสือมีแนวโน้มที่ดีและเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% ต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีมานี้ เห็นได้จากปี 2566 มีมูลค่าอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท มาในปี 2567 ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ล้านบาท และในปี 2568 นี้ มั่นใจว่าภาพรวมตลาดหนังสือจะกลับมาเติบโตได้สูงอีกครั้ง ไม่ต่ำกว่า 10% หรือน่าจะมีมูลค่าสูงถึง 16,000-17,000 ล้านบาท เลยทีเดียว

ปัจจัยสำคัญที่เชื่อว่าตลาดหนังสือจะกลับมาคึกคักนั้น เนื่องจากพบว่า นักอ่านกลุ่มวัยรุ่น หรือกลุ่มเจน Z หันมาอ่านหนังสือการ์ตูนมังงะในแบบรูปเล่มมากขึ้น ซึ่งเมื่อเจาะลึกลงไปยังพบเพิ่มว่า หนังสือการ์ตูนมังงะเหล่านี้ จะต้องมีขนาด B5 และมีจำนวนหน้าไม่เกิน 200 หน้า ซึ่งเป็นไซส์ที่เล็กลง ตอบสนองความสะดวกของการอ่าน และใช้เพียงมือเดียวในการเปลี่ยนหน้า จากปกติจะเป็นไซส์ A5 ซึ่งเห็นชัดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เจน Z กลายเป็นนักอ่านกลุ่มใหญ่สุดแทนที่กลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงานไปแล้ว จากเดิมมีสัดส่วน 49% เพิ่มเป็น 69% ในปีที่ผ่านมา และกลุ่มผู้ใหญ่หล่นอยู่ในอันดับ 2 แทน ตามมาคือกลุ่มเด็กเล็ก เป็นต้น

 “แม้เทรนด์หนังสือออนไลน์หรืออีบุ๊ค จะเป็นที่คุ้นเคยของนักอ่าน จนกลายเป็นยอดขายหลักสัดส่วนกว่า 60% ของภาพรวมตลาดหนังสือ และแบบรูปเล่มอยู่ที่ 40% แต่เชื่อว่าหนังสือแบบรูปเล่มไม่มีวันตาย เห็นได้จากกลุ่มเจน Z ที่ควรจะชื่นชอบการอ่านอีบุ๊คแต่กลับโหยหาการอ่านแบบรูปเล่มแทน แต่ขนาดหนังสือก็ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันมากขึ้น เห็นได้จากเทรนด์หนังสือมังงะขนาด B5 ที่กำลังเป็นที่นิยมของเจน Z ในขณะนี้ ซึ่งสวนทางกับกลุ่มผู้ใหญ่ที่ควรจะชื่นชอบการอ่านหนังสือแบบรูปเล่ม แต่กลับนิยมอ่านแบบอีบุ๊คมากกว่า เหตุผลสำคัญเป็นเพราะอีบุ๊คสะดวกต่อการอ่าน สามารถขยายตัวหนังสือได้นั้นเอง”


อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดหนังสือมีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ในมุมของสำนักพิมพ์ จากเดิมการออกหนังสือใหม่ 1 เรื่อง จะต้องสั่งตีพิมพ์ร่วม 3,000 เล่มก่อนในครั้งแรก แต่ปัจจุบันจะทำการพรีออเดอร์ก่อนแล้วจึงสั่งตีพิมพ์ เช่น ยอดพรีออเดอร์ 2,000 เล่ม จะตีพิมพ์ที่ 3,000 เล่ม หรือสั่งพิมพ์เพิ่มจากยอดพรีออเดอร์ 30% จะเห็นได้ว่าจำนวนพิมพ์ลดลงตามพฤติกรรมผู้อ่าน และบวกกับต้นทุนของกระดาษและสีในการพิมพ์สูงขึ้นทุกปี เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้หนังสือมีราคาแพงขึ้นส่งผลให้อีบุ๊คเป็นอีกทางเลือกเข้ามาทดแทน ทำให้โมเดลการขายหนังสือในวันนี้มี 2 ช่องทาง คือ ร้านหนังสือและออนไลน์

ขณะที่หนังสือจะมี 2 รูปแบบ คือ 1.แบบรูปเล่ม และ 2.อีบุ๊ค ส่งผลให้ยอดขายหลักของตลาดหนังสือมาจากออนไลน์/อีบุ๊ค 60% และหน้าร้าน 40% และ 3 แพลตฟอร์มอีบุ๊คที่ทำรายได้สูงสุด คือ 1.MEB 2.pintobook 3.Mareads

สำหรับเทรนด์การเติบโตของภาพรวมตลาดหนังสือในปีนี้ยังคงเป็น 1 .นิยายบอยเลิฟ และเกิร์ลเลิฟ ทั้งแบบแปลจากต่างประเทศ และของนักเขียนคนไทย 2.หนังสือการ์ตูนมังงะ ขณะที่ 5 อันดับหนังสือที่ขายดีสุด คือ นวนิยาย, การ์ตูนมังงะ, ฮาวทู/ฮีลใจ, แบบเรียน และหนังสือเด็กเล็ก

นายสุวิช กล่าวต่อว่า แม้ยอดขายหนังสือจะมาจากอีบุ๊คเป็นหลัก แต่หนังสือรูปเล่มก็ยังไปได้ดีอยู่ เห็นได้จากทุกครั้งที่มีการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติขึ้น จำนวนสำนักพิมพ์/ผู้ร่วมออกบูท พื้นที่การจัดงาน และยอดขายภายในงานจะเติบโตขึ้นทุกครั้ง เช่นเดียวกับแผนการจัดงาน "งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23" ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา เวลา 10.00 - 21.00น. ณ ฮอลล์ 5 - 8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มั่นใจว่าจะผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.3 ล้านคน และมียอดขายกว่า 420 ล้านบาท

สำหรับ "งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23" นี้ ถือเป็นงานหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน มาในธีม "ย ยักษ์ อ่านใหญ่" งานหนังสือครั้งใหม่ ใหญ่กว่าเดิม พบกับ 7 โซนหนังสือดีที่น่าอ่าน ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมกว่า 1,200 บูธ จาก 400 สำนักพิมพ์ พร้อมขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 20,000 ตร.ม. ภายในงารจะมีการจัดนิทรรศการและกิจกรรมกว่า 100 อีเว้นท์และยังมี "Bangkok Rights Fair 2025" งานเจรจาซื้อขายลิขสิทธิ์กับ 115 บริษัทจาก 14 ประเทศและเขตแดนอีกด้วย นอกจากนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่จะมี PUBAT Cafe จิบกาแฟหอมกรุ่น จากร้านดัง และบริการนวดแผนไทยภายในงานอีกด้วย.
















กำลังโหลดความคิดเห็น