xs
xsm
sm
md
lg

“มนพร”หนุนเพิ่มศักยภาพ”ท่าเรือระนอง”รับตู้สินค้าโต เชื่อม SEC

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • จะมีการพัฒนาศักยภาพท่าเรือระนองเพื่อรองรับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้น คาดว่าปี 67 จะเพิ่มขึ้น 111%
  • • ระนองจะเน้นการเป็นศูนย์กลางการค้าฝั่งอันดามัน โดยนำเข้า-ส่งออกสินค้าหลัก ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค
  • • การพัฒนาจะเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEC)


“มนพร”หนุนพัฒนาศักยภาพท่าเรือระนอง หลังยอดนำเข้า–ส่งออกทะลุ 200% จากปัญหาความไม่สงบและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองเมียวดี ท่าขี้เหล็ก เร่งเพิ่มพื้นที่รับตู้สินค้า เผยปี 67 ปริมาณตู้โต 111%
“ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ –ผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค”ชูเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลฝั่งอันดามัน เชื่อมโยง SEC

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันท่าเรือระนองมียอดการนำเข้า – ส่งออกสินค้าพุ่งสูงขึ้น 200% เป็นผลมาจากสถานการณ์ความไม่สงบและปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองเมียวดี ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ทำให้การนำเข้า – ส่งออกไปประเทศเมียนมาและสินค้าผ่านแดนที่ปกติต้องผ่านด่านแม่สอด จังหวัดตาก และด่านแม่สาย จังหวัดเชียงราย ย้ายมาใช้บริการผ่านด่านจังหวัดระนองเพิ่มมากขึ้น


จากสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมได้เห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามัน สอดคล้องกับนโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ที่มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและพัฒนาการบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล จึงได้กำชับให้ท่าเรือระนอง ภายใต้การกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เตรียมความพร้อมท่าเทียบเรือ พื้นที่ลานวางตู้สินค้า รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในการให้บริการขนส่งสินค้า เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าจากประเทศเมียนมาที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศในระยะยาว พร้อมรองรับการเป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของท่าเรือระนองในการพัฒนาศักยภาพการให้บริการด้านการขนส่งโลจิสติกส์ของภาคใต้ให้มีศักยภาพและเติบโตมากยิ่งขึ้นต่อไป


นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เป็นต้นมา ท่าเรือระนองมีสินค้านำเข้า – ส่งออกเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และการส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค และกระดาษม้วน ส่งผลให้การดำเนินงานในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) มีเรือเทียบท่าทั้งสิ้น 281 เที่ยว เพิ่มขึ้น 69% ตู้สินค้าผ่านท่า 2,796 ตู้ เพิ่มขึ้น 111% สินค้าผ่านท่า 324,933 ตัน เพิ่มขึ้น 251% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

และไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567) มีเรือเทียบท่า 61 เที่ยว เพิ่มขึ้น 91% ตู้สินค้าผ่านท่า 2,002 ตู้ เพิ่มขึ้น 458% สินค้าผ่านท่า 21,294 ตัน เพิ่มขึ้น 26%


นายเกรียงไกร กล่าวว่า จากการเติบโตของท่าเรือระนอง สะท้อนถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นตลาดสำคัญสำหรับสินค้าส่งออกของไทย เช่น ผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค และกระดาษม้วน ขณะที่การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สะท้อนถึงความต้องการวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ที่เติบโตขึ้น นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของปริมาณเรือและตู้สินค้าชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของท่าเรือระนองในการเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลฝั่งอันดามันที่ช่วยสนับสนุนเป้าหมายของ กทท. ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของระบบโลจิสติกส์ไทยในระดับภูมิภาค


ทั้งนี้ กทท. พร้อมพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในท่าเรือทั้ง 5 แห่ง ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยปัจจุบันท่าเรือระนองมีท่าเทียบเรือทั้งหมด 2 ท่า ได้แก่ ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ รองรับเรือสินค้าขนาด 500 ตันกรอส และท่าเทียบเรือตู้สินค้า รองรับเรือได้ไม่เกิน 12,000 เดทเวทตัน และมีพื้นที่ฝากเก็บสินค้า ประกอบด้วย โรงพักสินค้าขนาด 1,500 ตารางเมตร ลานวางสินค้าทั่วไปขนาด 7,200 ตารางเมตร ลานวางตู้สินค้าขนาด 11,000 ตารางเมตร สามารถวางตู้สินค้าได้ประมาณ 800 ทีอียู




กำลังโหลดความคิดเห็น