xs
xsm
sm
md
lg

“แม็คกรุ๊ป” ขยายตปท.-เล็งซื้อกิจการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



          นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยในงาน Opportunity Day ถึงแผนการทำธุรกิจงวดครึ่งปีหลังปีบัญชี 2568 ว่า บริษัท ยังคงมีเป้าหมายรายได้จากยอดขายและกำไร เติบโต เลขสองหลัก ในทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์และ ออฟไลน์ โดยจะใช้ ประสบการณ์ และทรัพยากรที่เพีนยพร้อมจากรากฐานการทำธุรกิจที่ยาวนานกว่า 50 ปี ที่มีจุดขายครอบคลุม ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีโรงงานผลิตสินค้าที่มีความชำนาญ และมีศูนย์กระจายสินค้าของตัวเอง
 
นอกจากนี้ในขณะนี้ บริษัทมีการศึกษาแผนพัฒนาสำหรับช่องทางอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นการขยายช่องทางไปต่างประเทศและการควบรวมกิจการ เพราะบริษัทมีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันทีเมื่อเจอโอกาสเพราะ ณ ปัจจุบันบริษัท มีเงินสดในมือกว่า 1,896 ล้านบาท
“ เพื่อให้แผนงานของบริษัทบรรลุเป้าหมาย “แม็คกรุ๊ป” ยังคงมีแผนลงทุนขยายร้านค้าปลีกของตัวเอง และปรับปรุงจุดขายเดิม และปิดจุดขายที่ทำกำไรต่ำ โดยมีเป้าหมายเปิด 15 จุดขายในปีบัญชีนี้ ในขณะเดียวกันด้านช่องทางขายออนไลน์ได้มีการพัฒนา เว็บไซต์รวมถึงการร่วมมือกับ TIKTOK ล่าสุดในการเปิดพื้นที่ไลฟ์สดสำหรับการขายสินค้า” นายเจมส์ กล่าว

นอกจากนี้เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีบัญชีหลังกำลังซื้อและเศรษฐกิจประเทศน่าจะมีทิศทางดีขึ้นหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินเซอร์ไพรส์ลดดอกเบี้ยลง 0.25% จะทำให้กำลังซื้อดีขึ้น รวมถึงผลจากมาตรการ E Receipt ที่ลดหย่อนได้ 50,000บาท ที่สิ้นสุดไปเมื่อปลายเดือน ก.พ ที่ผ่านมา
 
สำหรับผลประกอบการงวด งวด 6 เดือนแรก ปีบัญชี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1 % เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 19.6 % เมื่อเทียบงวดเดียวกันปี 18.6 % ซึ่งอัตรากำไรสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลจากยอดขายที่เติบโตและบริษัทมีการบริหารต้นทุนการขายและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
“MC ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ได้ดีต่อเนื่อง โดย งวดครึ่งปีแรกปีบัญชี 2568 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 65.1% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 64.8% “ นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าว
 
ทั้งนี้งวดไตรมาส 2 ของปีบัญชี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 1,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6 % เป็นผลจากการเติบโตต่อเนื่องของรายได้จากช่องทางขายออนไลน์ ที่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสนี้ บริษัท มีรายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าออนไลน์ ทั้งสิ้น 212 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 83 ล้านบาทหรือ 63.9%
 
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปีบัญชี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,178 ล้านบาท ลดลง 0.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกำลังซื้อในช่องทางออฟไลน์ที่ ลดลง แต่มีรายได้จากช่องทางออนไลน์ เติบโตดีมาก โดยงวดครึ่งปี มีรายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าออนไลน์ 337ล้านบาทเพิ่มขึ้น 108 ล้านบาทหรือ 47.3%
 
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวว่า ผลดำเนินงานและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสำหรับผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีบัญชี2568 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท คิดเป็นอัตราการจ่าย เกือบ100 % ของกำไรสุทธิ และสูงกว่านโยบายที่จะจ่ายไม่น้อยกว่า 40% อีกทั้ง งวดครึ่งแรกปีนี้บริษัทจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่จ่ายหุ้นละ 0.50 บาท โดยได้ ขึ้นเครื่องหมายไปแล้วเมื่อวันที่ 27 ก.พ 2568 ที่ผ่านมา และจะจ่ายเงินในวันที่ 13 มี.ค 2568 นี้

นอกจากนี้ในส่วนของการดำเนินการด้านความยั่งยืน บริษัทได้ทำมาต่อเนื่องและ ได้รับผลการประเมิน ใน SET ESG Ratings ปี 2567 ในระดับสูงสุด “AAA” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัทยังคง มุ่งมั่นจะลดการปล่อยคาร์บอนด์ผ่านการลงทุนประหยัดพลังงาน โดยเริ่ม โครงการ Solar Rooftop ที่อาการคลังสินค้าใหม่ ((Mc Fulfilment Center ) และสำนักงานใหญ่แล้ว และในไตรมาสแรกปีบัญชี 2568 โดยได้นำร่อง ติด Solar Rooftop เพิ่มเติมที่ ที่สาขา 2 สาขา คือ Mc Outlet ปตท. มานะชัย นครปฐม และ Mc Outlet ปตท. เกียรติสมพงษ์ นครสวรรค์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และประหยัดการใช้ไฟฟ้า ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ดีและบริษัทอยู่ระหว่างสำรวจ ขออนุญาตเจ้าของสถานีน้ำมันเพื่อขยาย การ ติดตั้ง Solar Rooftop ที่ Mc Outlet สาขาอื่นๆ ซึ่งจะดำเนินการติดตั้งเพิ่มเติมภายในปีบัญชี 2568-2569


กำลังโหลดความคิดเห็น