xs
xsm
sm
md
lg

“บ้านปู”ลุ้นปี68พลิกเป็นกำไร ทุ่ม500ล.ดอลล์เน้นรุกรง.ไฟฟ้า-ก๊าซฯ-CCUS

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บ้านปูลุ้นปีนี้พลิกมีกำไร หลังปี67ขาดทุนสุทธิ24 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โตขึ้นจากปีก่อน มาจากราคาก๊าซฯที่ปรับสูงขึ้น และปริมาณขายถ่านหินโต10-20% พร้อมอัดงบลงทุนปีนี้ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นลงทุนธุรกิจก๊าซฯ โรงไฟฟ้า และโครงการCCUS

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งงบลงทุนในปี2568 ประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่ใช้ลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจโรงไฟฟ้า และโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือCCUS ราว 60% ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 20% และธุรกิจเหมืองแร่ใหม่ (Next-Gen Mining )20% โดยจะเป็นการลงทุนแบบควบรวมหรือซื้อกิจการ(M&A)เป็นหลักที่จะได้เห็นการM&Aในปีนี้

โดยแผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทฯคาดว่ามีรายได้เติบโตดีขึ้นกว่าปีที่แล้วหรือเทียบเท่า และพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งหลังจากปี 2567 ขาดทุนสุทธิ 680 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยบ้านปูวางเป้าหมายผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้นในเหมืองอินโดนีเซียและออสเตรเลียรวม 29-30 ล้านตัน/ปี ขณะที่เหมืองจีนยังทรงตัวใกล้เคียงปีก่อนที่ 10 ล้านตัน แต่ปริมาณการขายถ่านหินในปีนี้คาดว่าจะโตขึ้น 10-20%รวมอยู่ที่ 45 ล้านตันต่อปี รวมทั้งวางแผนลดต้นทุนการผลิตถ่านหินลงอีก 1.5 เหรียญสหรัฐต่อตันโดยนำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ ส่วนราคาถ่านหินในปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อน แม้ว่าไตรมาสแรกนี้จะอ่อนตัวลง แต่คาดว่าในไตรมาส 2/2568จะขยับดีขึ้น


ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติเชื่อว่าตลาดยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซฯเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ราคาก๊าซฯตลาดจร (Spot)ได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.4 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู คาดว่าทั้งราคาก๊าซฯในปีนี้อยู่ที่ 3 -4 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 2.08 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู เนื่องจากธุรกิจดาตา เซ็นเตอร์มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น และเป็นพลังงานไฟฟ้าที่เสถียร ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของราคาก๊าซฯลงได้

สำหรับธุรกิจไฟฟ้าในสหรัฐฯ ได้มีการล็อกราคาค่าไฟในโรงไฟฟ้า Temple1 และTemple2 ในสหรัฐฯได้สูงกว่าปีก่อนทำให้ทั้งปีนี้ธุรกิจไฟฟ้าจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มเติมอีก 1,500 เมกะวัตต์ในสหรัฐฯ เนื่องจากนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่สนับสนุนการลงทุนพลังงานฟอสซิล และเป็นตลาดที่ดีที่สุด ทำให้บ้านปูแสวงหาโอกาสการเติบโตเพิ่มเติมทั้งแหล่งก๊าซฯ และโรงไฟฟ้าใหม่ควบคู่กับพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงด้วย


ธุรกิจเหมืองแร่ใหม่นั้น บ้านปูมองโอกาสการลงทุนแร่นิกเกิลในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแร่สำหรับพลังงานสะอาด เช่นอีวี ซึ่งขณะนี้ราคาแร่นิกเกิลได้อ่อนตัวลง จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่บ้านปูจะเข้าไปลงทุนM&Aเหมืองแร่นิกเกิลในอินโดนีเซีย

“บริษัทประเมินกระแสการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อทิศทางด้านพลังงานของโลกอย่างรอบด้าน รวมถึงนโยบายและแผนพลังงานในประเทศยุทธศาสตร์ ในปีนี้เรามุ่งเน้นการจัดสรรเงินทุนไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง เราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ Energy Symphonics จะทำให้บ้านปูเป็นบริษัทพลังงานที่แตกต่างที่เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ "นายสินนท์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 5,148 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 181,549 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 1,330 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 46,970 ล้านบาท) กำไรจากการดำเนินงาน 83.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,964 ล้านบาท) และผลขาดทุนสุทธิ 23.67 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 682.42 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการด้อยค่าเงินลงทุนจากการขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น และการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาท

บริษัทมีความคืบหน้าที่สำคัญในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การเสนอขายหุ้น IPO ของ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูในสหรัฐฯ ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) รวมทั้งได้ลงทุนพัฒนาโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มแห่งใหม่ 2 โครงการในญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการ Aizu (ไอสึ) และโครงการ Tsuno (ซึโนะ) กำลังการผลิตรวม 208 เมกะวัตต์ชั่วโมง คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/71 และการพัฒนาโครงการ CCUS ของ BKV ที่ชื่อว่าโครงการ Eagle Ford คาดว่าจะกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 90,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างสมบูรณ์ในไตรมาส 1/2569


กำลังโหลดความคิดเห็น