“สุรพงษ์”มอบสัญญาเช่าที่ดิน รฟท. ให้ 241 ครัวเรือน พร้อมเร่งอีก 26 ชุมชนทั่วประเทศในมี.ค.นี้ เป้า 308 ชุมชน 24,000 ครัวเรือนมีสัญญาถูกต้องครบปี 70 เผยโยก 32 ครัวเรือนจากกม.11 เปิดทางสร้าง บ้านเพื่อคนไทย ด้านชาวบ้านแย้งมีทั้งหมด 83 ครัวเรือน ซึ่งต้องพิสูจน์ต่อไป
วันที่ 3 มีนาคม 2568 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีส่งมอบบันทึกแนบท้ายสัญญาเช่าที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้แก่ ชุมชนฟ้าใหม่ร่วมใจพัฒนา จำนวน 169 ครัวเรือน และชุมชนพุทธมณฑลสาย 2 กรุงเทพมหานคร จำนวน 72 ครัวเรือน รวม 241 ครัวเรือน เพื่อสนับสนุนสิทธิที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อย ว่า จากที่กระทรวงคมนาคม ได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการที่ดินของ รฟท. ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมอบหมายให้ อทส. ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการทรัพย์สินของ รฟท. เร่งดำเนินการจัดทำสัญญาเช่าให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยวันนี้ มีประชาชนผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ชุมชนฟ้าใหม่ร่วมใจพัฒนา จำนวน 169 ครัวเรือน และชุมชนพุทธมณฑลสาย 2 จำนวน 72 ครัวเรือน ที่ได้รับมอบบันทึกแนบท้ายสัญญาเช่าที่ดินของ รฟท. ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง รฟท. บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) หรือ SRTA สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ผู้แทนชุมชน และเครือข่ายสลัม 4 ภาคเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางจนบรรลุผล
“ที่ผ่านมา ชุมชนที่อาศัยในพื้นที่ของ รฟท.อยู่กันแบบไม่มีสัญญาที่ชัดเจน ไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง ซึ่ง นโยบายของรัฐบาล กระทรวงคมนาคม ได้ขับเคลื่อนให้เกิดความถูกต้องและชอบธรรม โดยตนได้เข้ามาเร่งรัดดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 มีการสำรวจและพิสูจน์สิทธิ์ยืนยันตัวตนกันมาตามลำดับ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกับกับทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน”
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการที่ดินของ รฟท. ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมอบหมายให้ SRTA ซึ่งเป็นบริษัทลูก บริหารจัดการทรัพย์สินของ รฟท. เร่งดำเนินการจัดทำสัญญาเช่าให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยในวันที่ 14 มีนาคม 2568 จะมีการลงนามในสัญญาเช่า อีก 5 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนคลองเปล 4, ชุมชนหัวนา ,ชุมชนแปลง กม. 11 , ชุมชนทุ่งสว่างตะวันออกเฟส 3 และชุมชนศูนย์คนไร้บ้านสุวิทย์วัดหนู
นอกจากนี้ รฟท. และ SRTA อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำ ทด.3 และแจ้งเงื่อนไขการทำสัญญาเช่า จำนวน 21 ชุมชน ไปยัง พอช. ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มีนาคม 2568 ได้แก่ ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร/ภาคกลาง จำนวน 4 ชุมชน ชุมชนภาคอีสาน จำนวน 7 ชุมชน และชุมชนภาคใต้ จำนวน 10 ชุมชน
สำหรับ ชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่รถไฟ มีจำนวน 308 ชุมชน จำนวน 24,000 ครัวเรือน ที่ผ่านมาได้มอบสัญญาเช่าแล้ว 90 ชุมชน ที่เหลือ จะมีการดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2570
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการสำรวจและลงทะเบียน ยืนยันสำหรับชุมชนแปลง กม. 11 มีจำนวน 32 ครัวเรือน และได้เจรจาเพื่อให้ย้ายไปอยู่ชุมชนใหม่ ที่โชติวัฒน์ ริมทางรถไฟ เขตบางซื่อ เนื่องจากพื้นที่กม.11 จะนำมาดำเนินโครงการ บ้านเพื่อคนไทย ประมาณ 15 ไร่ โดยทาง พอช. ได้รับงบประมาณ มาดำเนินการช่วยเหลือในเรื่องการจัดการด้านสาธารณูปโภคและค่าก่อสร้างบ้านเบื้องต้น ประมาณ 1.8 แสนบาท ต่อหลัง และชุมชนจะชำระค่าเช่าผ่าน พอช.เพื่อจ่ายให้รฟท.อีกที ส่วนที่มีเพิ่มขึ้นมา ก็ต้องพิสูจน์สิทธิ์
ขณะที่ตัวแทนชาวบ้าน ระบุว่า พื้นที่กม. 11 มี 2 ชุมชน รวมจำนวน 83 ครัวเรือน ซึ่งพร้อมให้ความร่วมมือในการย้ายไปที่ โชติวัฒน์ สำหรับการทำสัญญาเช่าพื้นที่รถไฟนั้น อัตราที่ 9 สูงสุดไม่เกิน 25 บาท /ตร.ม.ซึ่งชาวบ้านรับได้ โดยในเขตทาง สัญญา 3 ปี
ด้านผู้อำนวยการสำนักพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมราง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. กล่าวว่า พอช.ได้จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง (โครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยฯ) โดยเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณ ปี 2566-2570 รวม 7,718.94 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ1.สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค 2. สนับสนุนสิ่งปลูกสร้าง 3. ช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายในการจัดการที่อยู่อาศัยชั่วคราวหรือเช่าบ้านหอพักระหว่างการรอปลูกสร้าง โดยในปี 2567 ได้รับงบ จำนวน 96 ล้านบาท สำหรับ 340 ครัวเรือน ปี 2568 ได้รับงบ 250 ล้านบาทสำหรับ 2,000 ครัวเรือน และปี 2569 เตรียมเสนอของบ 300 ล้านบาท สำหรับ 2,900 ครัวเรือน