- • ผู้ถือหุ้นไฟเขียว ไทยออยล์เพิ่มทุน 6.3 หมื่นล้านบาทในโครงการ CFP ไม่กระทบผลตอบแทน GPSC
- • GPSC ร่วมมือพันธมิตรศึกษา SMR สรุปผลไตรมาส 2/66
GPSCเผยโครงการERU ก่อสร้างคืบหน้า95%ยันไม่กระทบผลตอบแทน หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียวไทยออยล์เพิ่มทุน 6.3หมื่นล้านบาทในโครงการCFP ส่วนการจับมือพันธมิตรศึกษาSMR สรุปไตรมาส2/68
นางสาวสุกิตตี ไชยรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยความคืบหน้าโครงการหน่วยผลิตพลังงาน (ERU) มูลค่าโครงการทั้งสิ้น 757 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพลังงานสะอาด ( CFP) ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ว่า ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการERU คืบหน้ากว่า 95% โดยบริษัทได้จ่ายเงินลงทุนไปแล้ว 15% หรือประมาณ 96 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนที่เหลืออีก 660 ล้านเหรียญสหรัฐ จะชำระภายหลังส่งมอบโครงการ คาดว่าจะเป็นช่วงปี 2572 หลังจากไทยออยล์เลื่อนโครงการ CFP แล้วเสร็จเชิงพาณิชย์ออกไปเป็นไตรมาส 3/2571
แม้ว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นไทยออยล์อนุมัติการเพิ่มทุนในโครงการ CFP อีก6.3หมื่นล้านบาท ซึ่งGPSCอยู่ระหว่างการพิจารณาในเรื่องนี้เช่นกันและหารือกับไทยออยล์ด้วย แต่เบื้องต้นยังยึดตามกรอบวงเงินเดิมที่ 757 ล้านเหรียญสหรัฐ และยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนในโครงการERU แต่อย่างใด
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2568 มองว่ายังมีปัจจัยบวก จากต้นทุนราคาถ่านหินที่ลดลงอยู่ที่ 110เหรียญสหรัฐ/ตันขณะที่ราคาก๊าซฯ คาดปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่กรอบ 330-340 บาทต่อล้านบีทียู ขณะที่ลูกค้ามีความต้องการใช้ไฟเพิ่มมากขึ้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากโรงงานพีทีที อาซาฮี เคมิคอลที่ปิดตัวไป แต่บริษัทมีแผนบริหารจัดการและรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าได้ แม้ค่า Ft จะลดลงแต่ยังบริหารจัดการได้ ขณะเดียวกันในปีนี้ จะดำเนินการเรื่องของ EBITDA Uplift ที่จะส่งผลให้การบริหารจัดการผลประกอบการเป็นไปตามแผน
สำหรับงบลงทุนในปี 2568 เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี หลักๆจะใช้สำหรับซ่อมบำรุงตามแผน ส่วนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศอินเดียของบริษัท อวาด้า เอนเนอร์ยี่ ไพรเวท จำกัด (Avaada Energy Private Limited) หรือ AEPL บริษัทไม่ใช้งบลงทุนเพิ่มแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสขยายการลงทุนในอินเดียเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสูง
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก(SMR) หลังจากได้ลงนามความร่วมมือบริษัท Seaborg Technologies ApS ผู้พัฒนาเทคโนโลยี SMR (Small Modular Reactor) ขนาดเล็ก คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 2/2568 ซึ่งการลงทุนสอดคล้องกับแผน PDP ของประเทศไทยที่จะมี SMR ในช่วงปี 2578 เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้ากำลังการผลิตไว้ที่ 200-400 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทฯศึกษาความเป็นไปได้เทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture & Storage - CCS) ร่วมกับกลุ่มปตท.และ บริษัทมีแผนนำเข้าแอมโมเนีย นำมาผสมในโรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนฯให้เทียบเท่าโรงไฟฟ้าก๊าซฯ
