- • รองรับการลงทุนจากต่างชาติที่ย้ายฐานการผลิต
- • มีผู้ขอขยาย/ตั้งนิคมฯ ใหม่ใน EEC 40 โครงการ (หลายหมื่นไร่)
- • โครงการขยาย/ตั้งนิคมฯใหม่ติดปัญหาผังเมือง
กนอ.ตั้งเป้ายอดขายที่ดินในนิคมฯ ปี 68 โตขึ้นอยู่ที่ 8,000-10,000 ไร่ จากปีก่อนมียอดขายที่นิคมฯ 6,000ไร่ รองรับการลงทุนต่างชาติที่ย้ายฐาน เผยมีผู้พัฒนาฯ ยื่นขอขยายหรือตั้งนิคมฯ ใหม่ 40 โครงการใน EEC เป็นพื้นที่นับหมื่นไร่แต่ติดปัญหาผังเมือง พร้อมเร่งเจรจาแก้ปัญหา และห่วงราคาที่ดินพุ่งแตะ 10 ล้านบาทต่อไร่ หวั่นนักลงทุนหนีไปซบเพื่อนบ้าน
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และรักษาการผู้ว่าการ กนอ. เปิดเผยว่า ในปี 2568 กนอ.คาดว่ายอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่ 6,000 ไร่ มาอยู่ที่ 8,000-10,000 ไร่ เนื่องจากมีการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นมาก ทำให้ผู้พัฒนาที่ดินเตรียมพื้นที่รองรับไม่ทัน ดังนั้น กนอ.จึงปรับกระบวนการโดยประสานงานกับผังเมือง และ สผ. ในการดำเนินการควบคู่กับการทำ EIA ช่วยร่นระยะเวลาการพัฒนาพื้นที่เดิมจาก 3 ปี เหลือเพียง 2 ปี
ขณะนี้มีผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม ทั้งในส่วนที่ขอลงทุนพัฒนาพื้นที่ใหม่และส่วนที่ขอขยายพื้นที่จากโครงการเดิมเพื่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC แต่ไม่สามารถลงทุนพัฒนาพื้นที่ได้เพราะติดปัญหาสีผังเมืองจำนวนกว่า 40 โครงการ คิดเป็นพื้นที่แปลงละประมาณ 700-1,000 ไร่ รวมทั้งหมดหลายหมื่นไร่ คิดเป็นมูลค่าลงทุนหลายหมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผังเมืองสีเหลือง ยังไม่สามารถปรับเป็นสีม่วงได้
ดังนั้น กนอ.ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ EEC) อยู่ระหว่างการหารือกับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมทุกรายที่ยื่นขอลงทุนและขอขยาย โดยให้ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมแต่ละรายต้องนำแปลงพื้นที่ที่ต้องการมาชี้เป้าเพื่อหารือกับทางผังเมือง ว่ามีโอกาสที่จะสามารถตั้งนิคมอุตสาหกรรมได้หรือไม่ และต้องการความช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติจากจีน เกาหลี ไต้หวันที่ต้องการสร้างคลัสเตอร์เป็นของตัวเองที่สนใจร่วมทุนกับผู้พัฒนานิคมฯ ไทย
“เรากำลังพยายามทยอยทำ แต่คงไม่เสร็จภายในปีนี้ทั้งหมด คงมีเพียงบางโครงการเท่านั้นที่ทำได้ อย่างของ WHA ที่มีหลายแปลงที่เคลียร์ผังเมืองได้ก็ขึ้นได้เลย แต่ถ้าบางแปลงมันใหญ่ทำให้บางส่วนอาจไปโดนผังเมืองสีอื่นมันก็เลยยาก ดังนั้น การที่เรามาคุยกันก่อนมันจะทำให้เรารู้ว่ามันควรจะประกาศสีนี้ตรงไหน มันจะได้ล้อไปด้วยกัน โดยให้ทางผังเมืองชี้เป้าว่าพื้นที่ทำนิคมฯ ได้ หรือให้ผังเมืองเปลี่ยนสีให้”
นอกจากนี้ ราคาที่ดินในพื้นที่ EEC ที่ประกาศเป็นสีม่วงซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมมีราคาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จาก 2 ล้านบาท/ไร่ ขยับเป็น 10 ล้านบาท/ไร่ ซึ่งเป็นราคาใกล้เคียงกับราคาที่ดินที่พัฒนาแล้วในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งราคาที่ดินที่ดีดขึ้นแรงเช่นนี้เกิดจากกระแสการลงทุนที่ไหลเข้ามาประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนบางรายที่ใช้พื้นที่ไม่มากก็ยอมซื้อ แต่หากนักลงทุนที่ต้องการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ไม่สามารถตัดสินใจซื้อพื้นที่ดังกล่าวได้ และอาจเปลี่ยนใจไปลงทุนในประเทศอื่นแทน ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องหาโซลูชั่นใหม่เพื่อหาทางออก