ทอท.เผยตารางบินฤดูร้อนปี 68 สายการบินจอง SLOT กว่า 6.4 แสนเที่ยวบิน เพิ่มเกือบ 30% คาดผู้โดยสารรวมกว่า 87 ล้านคน เฉพาะอินเตอร์ใกล้ 55 ล้านคน เตรียมประมูลบริการภาคพื้น-คลังสินค้า รายที่ 3 “สุวรรณภูมิ” Junction Building ที่ดอนเมือง สร้างรายได้เพิ่ม
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารช่วงตารางบินฤดูร้อนในปี 2568 (30 มี.ค. 68-26 ต.ค. 68) ซึ่งสายการบินได้มีการขอจัดสรรเวลาการบินล่วงหน้าเข้ามาแล้ว พบว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 543,932 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29.7% เมื่อเทียบจากตารางบินฤดูร้อนปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศ 225,905 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29.7% เที่ยวบินระหว่างประเทศ 318,027 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29.6%
และมีจำนวนผู้โดยสารรวม 87,801,146 คน เพิ่มขึ้น 31.2% แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 32,844,933 คน เพิ่มขึ้น 33.0% ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 54,956,213 คน เพิ่มขึ้น 30.0% (ข้อมูล ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568)
โดยคาดการณ์การเติบโตของปริมาณผู้โดยสารจะมีเพิ่มขึ้นเป็น 170 ล้านคน/ปี ในอีก 5 ปี และมีผู้โดยสารประมาณ 210 ล้านคน/ปี ในอีก 10 ปี ซึ่งสอดคล้องตามแผนโครงการพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. เพื่อจะรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
จากคาดการณ์ตัวเลขผู้โดยสาร และแนวโน้มในอนาคตที่เพิ่มมากขึ้น ทอท.จึงเตรียมลงทุนโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน เพื่อเพิ่มรายได้ และอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร รวมถึงฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ปัจจุบันธุรกิจของ ทอท.ยังมีแนวโน้มรายได้ที่เป็นขาขึ้นจากปัจจัยด้านการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารและการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ซึ่งผลประกอบการของปีงบประมาณ 2568 ระหว่างเดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567 ทอท.มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 5,344.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.12 และมีรายได้รวม 17,906.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายกีรติกล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานของ ทอท.ยังคงแข็งแกร่งสะท้อนศักยภาพการเติบโตในอนาคตสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์กลางการบินใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง ทอท.มีแผนลงทุนขยายท่าอากาศยานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ทั้งด้านผู้โดยสารและกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ผ่านการลงทุนเพิ่มพื้นที่อาคารผู้โดยสารภายในท่าอากาศยานเดิม ไปจนถึงการก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่ ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารจากเดิม 65 ล้านคน/ปี เป็น 150 ล้านคน/ปี ประกอบด้วย โครงการพัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร เพิ่มการรองรับผู้โดยสาร 15 ล้านคน โครงการพัฒนาก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) เพิ่มการรองรับผู้โดยสาร 70 ล้านคน โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 4 เพิ่มศักยภาพรองรับเที่ยวบินได้ถึง 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) รองรับผู้โดยสาร 40 ล้านคน/ปี ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ โครงการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิม รวมถึงโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 60 ล้านคน/ปี ประกอบด้วย โครงการก่อสร้าง ท่าอากาศยานภูเก็ต แห่งที่ 2 หรือท่าอากาศยานอันดามัน รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 40 ล้านคน และโครงการก่อสร้าง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ แห่งที่ 2 หรือท่าอากาศยานล้านนา รองรับปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 20 ล้านคนต่อปี
@ประมูลผู้ประกอบการรายใหม่ สัมปทานบริการภาคพื้น-คลังสินค้า รายที่ 3
นอกจากนี้ ทอท.ยังมีแผนในการเพิ่มรายได้แหล่งใหม่ ได้แก่ 1. โครงการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ปี พ.ศ. 2562 ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ประกอบไปด้วย โครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องและโครงการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รายที่ 3 ซึ่งปัจจุบัน ทอท.อยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชน โดยจะมีการประกาศเชิญชวนในเดือนมีนาคม 2568 และโครงการ 400 Hz และ PC-Air โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance Repair and Overhaul: MRO) โครงการให้บริการการซ่อมขนาดเบาอากาศยาน (Line Maintenance) (โครงการดังกล่าวจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2569)
2. โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง โครงการก่อสร้าง Junction Building และอาคารจอดรถพร้อมพื้นที่ให้บริการโรงแรมเพื่อเป็นจุดเชื่อมระหว่างการเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางจากทางอากาศไปยังระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงและรถสาธารณะต่างๆ
3. โครงการพัฒนาที่ดินแปลง 723 ไร่ ณ ท่าอากาศานสุวรรณภูมิ (Certify Hub และ Airport Logistics Park) ประกอบด้วยศูนย์จัดการสินค้าเกษตรแบบครบวงจร และเป็น Logistics Park ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการขนส่งสินค้าทางอากาศ
นอกจากนี้ ทอท.ยังมีความได้เปรียบด้านศักยภาพการแข่งขันเชิงธุรกิจและนโยบายส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของภาครัฐที่จะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตในระยะยาว ทอท.จึงมีความเชื่อมั่นทั้งความพร้อมในการสร้างรายได้และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ไปจนถึงการเป็นส่วนหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป