- • ย้ำศักยภาพการเติบโตและดึงดูดการลงทุน
- • มุ่งลงทุน 6 กลุ่มยุทธศาสตร์
- • ตั้งเป้า 10 ปี การลงทุนภาคอุตสาหกรรมเพิ่ม 1 แสนล้านบาท
“เอกนัฏ” ร่วม ครม.สัญจรสงขลา ย้ำพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยมีศักยภาพพร้อมเติบโต พร้อมดึงดูดการลงทุนใหม่เข้ามาใน 6 กลุ่มยุทธศาสตร์ ตั้งเป้า 10 ปีเกิดการลงทุนภาคอุตฯ เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท
การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ณ ห้องคอนเวนชั่น ฮอลล์ ศูนย์การประชุมนานาชาติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดสงขลาครั้งนี้เพื่อติดตามการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการในพื้นที่รวมถึงขับเคลื่อนนโยบาย "ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่" และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้พื้นที่อ่าวไทยสู่ความยั่งยืน ผลักดันศักยภาพใน 3 ด้าน คือ 1. ด้านการเป็นฐานการผลิตสินค้าการเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตรเพื่อการส่งออกที่สำคัญของประเทศ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน กาแฟ ผลไม้ (ทุเรียน เงาะ มังคุด กล้วยหอม) อาหารทะเลแปรรูปแช่แข็ง
2. ด้านความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน หมู่เกาะอ่างทอง เกาะเต่า เกาะนางยวน และหมู่เกาะชุมพร 3. ด้านการเป็นที่ตั้งของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) และนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้
การประชุมครั้งนี้มีข้อเสนอของภาคเอกชน เช่น การพัฒนาเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีพื้นที่เป้าหมายแบ่งเป็น จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ ด้านการแพทย์ และด้านการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงสงขลา เพื่อยกระดับเศรษฐกิจนวัตกรรมและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับไทย และยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ S-Curve เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ในการกระจายโอกาสให้กับพื้นที่ เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่เข้ามา ผ่านการพัฒนาใน 6 กลุ่มยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ 1. นวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทางการแพทย์และการสาธารณสุข 2. อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ 3. อุตสาหกรรมอาหารมูลค่าสูง 4. อุตสาหกรรมยาและสมุนไพร 5. บริการสุขภาพและอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ 6. ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
โดยมีเป้าหมายทำให้เกิดการลงทุนภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท ใน 10 ปี ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมขยายตัวเฉลี่ย 5% ต่อปี คาดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมูลค่าสูง อุตสาหกรรมอาหารท้องถิ่นจะสามารถสร้างมูลค่ากว่า 55,000 ล้านบาทภายใน 10 ปี หากได้รับความเห็นชอบ กระทรวงอุตสาหกรรมจะผลักดันแผนงานโครงการและตั้งคณะทำงานและของบประมาณตามภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในระยะต่อไป
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการดำเนินการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ Southern Economic Corridor: SEC โดยได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จัดทำแผนขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ด้านการพัฒนาห่วงโซ่การผลิตและบริการ สำหรับเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การบริหารจัดการวัตถุดิบ การพัฒนากระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ การส่งเสริมพัฒนาด้านการตลาด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทบทวนแผนงาน/โครงการ และการดูแลโรงงานในนิคมและนอกนิคม รวมไปถึงการชวนนักลงทุนตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมยางพาราที่มีระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา) มีโรงงานจำนวน 3,830 โรงงาน มีผลิตภัณฑ์มวลรวมกลุ่มจังหวัดฯ หรือ GPP 790,305 ล้านบาท และตามรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม-ธันวาคม 2567 ของ สศอ. ดัชนีอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ขยายตัว 2.7% ซึ่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือ สัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง เหล็ก และหม้อแปลงไฟฟ้า โดยจังหวัดสงขลามีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GPP มาจากสาขาอุตสาหกรรมเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ (อันดับ 14 ของประเทศ) คิดเป็นร้อยละ 20 มูลค่ากว่า 254,368 ล้านบาทต่อปี
“เห็นได้ว่าพื้นที่ภาคใต้มีความพร้อมในการเติบโต และสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ทั้งยางพารา อาหารทะเลแปรรูป อุตสาหกรรมยาและสมุนไพร บริการสุขภาพ เป็นต้น การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากทั้งภาครัฐและเอกชนไปพร้อมกัน” นายเอกนัฏกล่าว