xs
xsm
sm
md
lg

"มนพร"สั่งปรับโฉมสนามบินใต้ เพิ่มศักยภาพรับเที่ยวบิน เล็ง"แหลมตาชี"ปัตตานีผุด Seaplane

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • สั่งการให้กรมการบินพลเรือน (บวท.) ทำแผนแม่บทแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน
  • • เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับเที่ยวบินในสนามบินภาคใต้
  • • มีแผนพัฒนาสนามบินแหลมตาชี จังหวัดปัตตานี
  • • วางเป้าหมายให้มีการใช้เครื่องบินทะเล (Seaplane) ในปี 2569-2570


“มนพร”ลงใต้ ตรวจศูนย์ควบคุมการบินหาดใหญ่ สั่งบวท.ทำแผนแม่บทแก้ปัญหากายภาพ เพิ่มขีดความสามารถรองรับเที่ยวบิน”สนามบินภาคใต้ เล็งเป้า แหลมตาชี ปัตตานี ผุด Seaplane ปี 69-70

วันที่ 16 ก.พ. 68 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของศูนย์ควบคุมการบินหาดใหญ่ และการดำเนินงาน ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และท่าอากาศยานชุมพร โดยได้สั่งการ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เร่งพัฒนาท่าอากาศยานในภาคใต้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับอากาศยาน และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

นางมนพร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่าง บวท. และกรมท่าอากาศยาน โดยได้มอบให้ บวท. จัดทำแผนแม่บทในการแก้ไขปัญหาทางกายภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามาถในการรองรับอากาศยาน โดยมีแผนสร้างทางขับขนานใหม่เพื่อให้มีระยะห่างได้ตามมาตรฐาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2578 เพื่อเป็นแนวทางบรรเทาปัญหาของ บวท. รวมทั้งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการใช้งานทางวิ่ง โดยลดเวลาการใช้งานทางวิ่ง/ทางขับ และ เป็นทำงานร่วมกับท่าอากาศยานหาดใหญ่ สายการบิน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ

นอกจากนี้ ได้กำชับให้ บวท. เร่งรัดการดำเนินงานแผนพัฒนาบุคลากรและโครงการสำคัญเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคให้แล้วเสร็จตามแผน ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม ATC ภายในปี 2568 โครงการจัดหา Digital Remote Tower ณ สนามบินหาดใหญ่ ตรัง นราธิวาส ภายในปี 2570 และโครงการศึกษาการจัดตั้งที่ขึ้น/ลง ชั่วคราว บนพื้นน้ำ และการให้บริการ Seaplane บริเวณแหลมตาชี ปัตตานี ภายในปี 2569 – 2570


@เที่ยวบิน-ผู้โดยสาร เพิ่มจากปีก่อน

ในส่วนของการดำเนินงานของกรมท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และท่าอากาศยานชุมพร โดยท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี มีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 4,100 - 4,700 คนต่อวัน จาก 28 - 32 เที่ยวบินต่อวัน และมีจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 12.84% เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2567 และปีงบประมาณ 2568 (ช่วงเดือนตุลาคม 2567 - มกราคม 2568) ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช มีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 2,800 - 3,500 คนต่อวัน จาก 20 เที่ยวบินต่อวัน


นางมนพร ยังได้สั่งการให้ ทย. จัดพื้นที่ให้บริการผู้โดยสารให้คล่องตัว มีความสะดวกรวดเร็ว ลดความแออัดของผู้โดยสาร บริเวณจุด Check in การลำเลียงกระเป๋า ความสะอาดบริเวณภายในท่าอากาศยาน รวมถึงให้จัดเตรียมพื้นที่และจัดระเบียบบริการขนส่งสาธารณะภายในท่าอากาศยานให้ไม่ติดขัด กำหนดจุดจอดรับ – ส่ง และเวลาในการจอดให้ชัดเจน พร้อมจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอกับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะไปยังสถานที่ภายในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอย่างไร้รอยต่อ


และให้ความสำคัญ การจัดกิจกรรมภายในท่าอากาศยานตามแนวคิด “สนามบินมีชีวิต” เพื่อประชาสัมพันธ์จุดเด่นการท่องเที่ยวและการสร้างอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งการพัฒนาท่าอากาศยานไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะได้รับการส่งเสริมให้ขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสร้างงานในหลากหลายสาขา เช่น การโรงแรม การบริการ การขนส่งอีกด้วย ทั้งนี้ นางมนพร ได้เน้นย้ำเรื่องการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกำกับดูแล เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย และเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ มุ่งสู่การเป็นฮับการบินตามนโยบายของรัฐบาล




กำลังโหลดความคิดเห็น