xs
xsm
sm
md
lg

AOT เผย Q1/68 กำไรสุทธิ 5,344 ล้านบาท พ.ค.นี้ประมูลอาคารส่วนต่อขยายด้านตะวันออก งบเพิ่มเป็น 1.2 หมื่นล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • รายได้รวมเพิ่มขึ้น 13.41% เป็น 17,906 ล้านบาท
  • • จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 16.41% จากการท่องเที่ยวฟื้นตัวและนโยบายรัฐ
  • • AOT เพิ่มงบลงทุนอาคารตะวันออก สุวรรณภูมิ เป็น 12,000 ล้านบาท พร้อมประมูล พ.ค. 68


AOT เผย 3 เดือนแรกปีงบ 68 กําไรสุทธิ 5,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.12% รายได้รวม 17,906 ล้านบาท เติบโต 13.41% ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 16.41% หนุนโดยการฟื้นตัวของการ ท่องเที่ยวและนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เพิ่มค่าลงทุนอาคารตะวันออก”สุวรรณภูมิ”เป็น 1.2 หมื่นล. ประมูลพ.ค. 68

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. กล่าวว่า ผลประกอบการงวด 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 ระหว่างเดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567 ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยาน หาดใหญ่ (ทหญ.) AOT มีกําไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 5,344.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 781.27 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.12 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ทอท. มีรายได้รวม 17,906.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.41 ซึ่งรายได้จากการขายหรือการให้บริการเพิ่มขึ้น 1,956.27 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.45 แบ่งเป็น รายได้เกี่ยวกับ กิจการการบินมีจํานวน 8,804.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,727.76 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.41 เมื่อเปรียบเทียบกับ งวดเดียวกันของปีก่อน

โดยสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของจํานวนเที่ยวบินและผู้โดยสารของ ทอท. โดยเฉพาะ จํานวนเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.05 และ 21.52 ตามลําดับ และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินจํานวน 8,859.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 228.51 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.65 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวม 10,353.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,086.70 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.73 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สําหรับปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT งวด 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567) มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวม 33.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.41 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 20.85 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 12.77 ล้านคน ในขณะที่มีจํานวนเที่ยวบินรวม 204,549 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.78 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 117,333 เที่ยวบิน และเที่ยวบิน ภายในประเทศ 87,216 เที่ยวบิน

โดยปัจจัยที่ทําให้ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นว่า เป็นผลจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว นโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐ และวันหยุดยาว (Golden Week) ของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งส่งผลให้มีนักท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นจากทั้งตลาดระยะไกล (Long Haul) และตลาดระยะใกล้ (Short Haul) อีกทั้ง AOT ยังสนับสนุนนโยบาย กระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการส่งเสริมเส้นทางการบินใหม่โดยลดค่าธรรมเนียม สําหรับสายการบินที่เปิดเส้นทางใหม่ โครงการลดค่าเช่าสําหรับสายการบินที่ย้ายไปใช้อาคาร SAT-1 และโครงการ สนับสนุนการตลาดสําหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่และเชียงราย โดยการให้เงินสนับสนุน 300 บาทต่อผู้โดยสารหนึ่งคนสําหรับเที่ยวบินที่เข้าเงื่อนไข เป็นต้น


นายกีรติกล่าวว่า กำไรสุทธิไตรมาส1 ปี 68 ที่ 5,344 ล้านบาทนั้น สูงกว่าที่ทอท.คาดและสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนด้วย ซึ่งการคาดการณ์ ทุกคนก็คาดได้ แต่ต้องอยู่บนสภาพของธุรกิจด้วย ซึ่งตัวเลขที่ออกมาถือว่า เหมาะสมกับตามสัดส่วนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นหรือไม่ผู้โดยสารเพิ่ม 16.5 %

ทั้งนี้กรณีที่ มีการขอคืนพื้นที่จากคิงเพาเวอร์ ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อทอท. แต่ภาพรวมธุรกิจยังเป็นแนวโน้มรายได้ของทอท. บมีผลกำไร เพราะเงินหายไป แต่ภาพรวมธุรกิจตอนนี้ เป็นไปทิศทางที่ดี มีแนวโน้มการเติบโตในขาขึ้น

นายกีรติ กล่าวว่า โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (SAT-1) ที่สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 45 ล้านคน เป็น 65 ล้านคนต่อปี การสร้างระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติและ ทางวิ่งเส้นที่ 3 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ที่สามารถรองรับผู้โดยสาร เพิ่มขึ้นจาก 30 ล้านคน เป็น 50 ล้านคนต่อปี รวมถึงโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่, ภูเก็ต, แม่ฟ้าหลวง เชียงราย และหาดใหญ่

นอกจากนี้ ทอท. ยังได้นําเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาให้บริการเพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทาง แบบใหม่และความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้โดยสาร เช่น การนําระบบเช็กอินอัตโนมัติ ระบบตรวจจับและรับรู้ใบหน้าบุคคล (Biometric Identification) ระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (ABC) ที่รองรับ E-passport กว่า 90 ประเทศ ซึ่งจะช่วย ลดขั้นต ขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารและเวลาในการตรวจหนังสือเดินทาง ระบบการจัดการข้อมูลแบบ A-CDM และระบบประตู ทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ (SBG) เป็นต้น

@เพิ่มค่าลงทุนอาคารตะวันออก”สุวรรณภูมิ”เป็น 1.2 หมื่นล. ประมูลพ.ค. 68

สำหรับโครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงินลงทุนประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งมีการปรับเพิ่มเพื่อให้อสอดคล้องกับเนื้องานที่เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดทอท.แล้ว อยู่ระหว่างนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน พ.ค. 2568

ส่วนโครงการพัฒนา ท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วงเงินลงทุนรวม 36,829.499 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือนธ.ค. 2568

ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน AOT ได้ดําเนินงานโดยคํานึงถึง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้มาตรฐานสากล เช่น DJSI, GRI และ PDPA ทั้งยังได้รับการจัดอันดับเป็นสมาชิก Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ติดต่อกัน 6 ปี และท่าอากาศยานภายใต้การดําเนินงานของ AOT ยังได้รับการรับรอง Airport Carbon Accreditation ครบทั้ง 6 แห่ง ทั้งนี้ AOT มุ่งเป้าให้ท่าอากาศยานเป็น Green Airport และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ Net Zero ภายในปี 2587 ในระดับนานาชาติ อาคาร SAT-1 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังได้รับรางวัล “ท่าอากาศยานสวยที่สุดในโลกปี 2567 จาก Prix Versailles ของ UNESCO ซึ่งเป็นการยืนยันความสําเร็จในการผสานเอกลักษณ์ไทยเข้ากับสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืน จากความมุ่งมั่นเหล่านี้ AOT ตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคและเชื่อมโยงการเดินทางทางอากาศ แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับท่าอากาศยานของไทยให้เป็น 1 ใน 20 ท่าอากาศยาน ที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี และเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดเป็น 1 ใน 10 ของโลก และสามารถแข่งขันใน ระดับสากลได้อย่างยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น