“มนพร”เผยสนามบินทย.คึกคัก 4 เที่ยวบินใหม่สู่”ลำปาง,ชุมพร,อุดร,ขอนแก่น”ผู้โดยสารกว่า 80% มั่นใจยกระดับเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก เตรียมเปิดบิน’นครพนม’เพิ่มรับสายบุญ - สายมู และเชื่อมต่อสปป.ลาว - เวียดนาม พร้อมหารือ กพท. ปรับเงื่อนไขลดข้อจำกัดบินเส้นทางหลัก/รอง
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ถึงความคืบหน้าการดำเนินนโยบายสนับสนุนให้สายการบินเปิดเส้นทางบินใหม่มายังท่าอากาศยานในสังกัด ของ ทย.เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว ยกระดับเมืองท่องเที่ยวจากเมืองรองเป็นเมืองหลัก ตามนโยบายรัฐบาลและสอดคล้องกับนโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ซึ่ง ทย. ได้หารือกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2567 - กุมภาพันธ์ 2568 มีสายการบินเปิดเส้นทางบินภายในประเทศใหม่ 2 สายการบิน
ใน 4 เส้นทาง
ได้แก่ สายการบินนกแอร์ทำการบินไปยังจังหวัดชุมพร สายการบินไทยแอร์เอเชียทำการบินไปยังจังหวัดลำปาง อุดรธานีและขอนแก่น ซึ่งทั้ง 4 เส้นทาง มีผู้โดยสารเฉลี่ยกว่า 80 % ในทุกเที่ยวบินตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ แสดงให้เห็นว่าการเปิดเส้นทางบินดังกล่าวได้รับการตอบรับและสามารถรองรับความต้องการของประชาชนได้เป็นอย่างดี ทำให้ประชาชนมีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย เพิ่มโอกาสการเข้าถึงการเดินทางทางอากาศมากขึ้น อีกทั้งการเพิ่มจำนวนสายการบินในเส้นทางต่าง ๆ ยังทำให้เกิดการแข่งขันและแก้ไขปัญหาราคาบัตรโดยสารสูง
ได้อีกด้วย
นางมนพร กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัท ไลอ้อนเมนทารี่ จำกัด ผู้ให้บริการสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารเพื่อขอรับจัดสรรเส้นทางบินไปยังจังหวัดนครพนม เพื่อเสนอให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) พิจารณาภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้ หากยื่นเอกสารประกอบเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ จะลงพื้นที่ร่วมกับ ทย. เพื่อหารือกับหน่วยงานในจังหวัดนครพนม ขอรับการสนับสนุนส่งเสริมการเปิดเส้นทางบินดังกล่าวต่อไป
โดยการเปิดเส้นทางบินไปยังจังหวัดนครพนม เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้แก่ นครพนม บึงกาฬ มุกดาหาร ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวเส้นทางแห่งศรัทธา อาทิ พระธาตุพนม พระธาตุประจำวันเกิด และเส้นทางตามรอยพญานาค อาทิ องค์พญาศรีสัตตนาคราช ถ้ำนาคี ซึ่งเป็นกระแสที่นักท่องเที่ยวสายมูให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้ในปี 2567 จังหวัดนครพนมมีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 2,204,220 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ 2 ล้านคน และพบว่ามีผู้เดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดนครพนม มุกดาหาร และบึงกาฬ โดยใช้บริการสนามบินนครพนม จำนวนถึง 389,903 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2566กว่า 30,000 คน นอกจากนี้ จังหวัดนครพนมยังเป็นจุดเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมการเดินทางไปท่องเที่ยวที่สปป. ลาว หรือเวียดนามอีกด้วย
ด้านนายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) กล่าวว่า เส้นทางบินใหม่ที่เปิดให้บริการทั้ง 4 เส้นทาง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากสถิติผู้โดยสารในเส้นทาง ดอนเมือง - ลำปาง - ดอนเมือง วันละ 1 เที่ยวบิน เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 มีผู้โดยสารรวมกว่า 13,000 คน
เส้นทาง ดอนเมือง – ชุมพร - ดอนเมือง 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์
เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 มีผู้โดยสารรวมกว่า 12,500 คน
เส้นทาง สุวรรณภูมิ - ขอนแก่น – สุวรรณภูมิ วันละ 1 เที่ยวบิน เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 มีผู้โดยสารรวมกว่า 1,100 คน และ
เส้นทาง สุวรรณภูมิ - อุดรธานี - สุวรรณภูมิ วันละ 2 เที่ยวบิน เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 มีผู้โดยสารรวมกว่า 2,300 คน หรือมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยกว่า 80 % ในทุกเที่ยวบินตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ
@หารือ กพท. ปรับเงื่อนไขขอจัดสรรบินเส้นทางหลัก/รอง
ทั้งนี้ ทย. เร่งดำเนินการเพื่อส่งเสริมการทำการบินมายังเมืองรอง โดยเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้สามารถรองรับการเติบโตของผู้โดยสารและเที่ยวบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาระบบขนส่งเชื่อมต่อภายในท่าอากาศยาน และเร่งหารือร่วมกับ กพท. ถึงมาตรการกระตุ้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสนับสนุนการให้บริการของสายการบินทำการบินไปยังเมืองรอง โดย กพท. จะเสนอให้คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) พิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์ในการขอจัดสรรเส้นทางสายหลัก และ/หรือเส้นทางสายรอง เพื่อลดข้อจำกัดของสายการบินในการขอทำการบินเส้นทางสายรอง
นอกจากนี้ ทย. ยังประสานงานกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในการสนับสนุนข้อมูลแก่สายการบินเกี่ยวกับความต้องการของผู้โดยสารในเส้นทางที่มีศักยภาพ รวมถึงการกำหนดมาตรการจูงใจต่าง ๆ แก่สายการบินตามความเหมาะสมด้วย