- • LG เปลี่ยนกลยุทธ์จากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า สู่ Smart Life Solution Company ภายในปี 2568
- • ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจใหม่
- • เน้น AI เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ
- • ตั้งเป้าเติบโต 15% ในปีนี้
- • มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า
ผู้จัดการรายวัน 360-“แอลจี” ข้ามผ่านแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า ปักธงปี 68 บียอนด์สู่ Smart Life Solution Company ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจใหม่ ชู AI หัวใจขับเคลื่อนสู่ผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ลั่นปีนี้โต 15% หรือกว่า 17,550 ล้านบาท หลังปีก่อนทำได้ 5%
นายซองฮัน จอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ แอลจีกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เป็น Smart Life Solution Company ตามวิสัยทัศน์ Future Vision 2030 โดยผสาน AI และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน และการเชื่อมต่อรูปแบบใหม่ที่ผสานกับเทคโนโลยีได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อมุ่งเติบโตใน 4 กลุ่ม คือ 1. Exising Business Growth Maximization การเติบโตในธุรกิจหลัก 2. Platform Service การขยายบริการแพลตฟอร์ม 3. B2B Business การสร้างการเติบโตให้กับโซลูชัน B2B และ 4. New-to-LGE การแสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ
โดยจะขับเคลื่อนด้วย 4 กลยุทธ์หลัก คือ 1.More Insight การเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งด้วย Affectionate Intelligence หรือเทคโนโลยี AI เฉพาะของแอลจี ที่จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถเรียนรู้และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ 2. More Integrated การพัฒนาโซลูชัน B2B แบบครบวงจรเพื่อสร้างความไว้วางใจและเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจไทย
3. More Seamless การยกระดับประสบการณ์การซื้อสินค้าออนไลน์ให้สะดวกสบายแบบไร้รอยต่อยิ่งขึ้นผ่าน LG Online Brand Shop หรือ LG.com และ 4. More Reliable การมอบบริการดูแลระยะยาวที่น่าเชื่อถือผ่าน LG Subscribe เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในทุกมิติ ทั้งหมดนี้คือความมุ่งมั่นของแอลจีในการสร้างประสบการณ์ที่ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและก้าวสู่การเป็น Smart Life Solution Company อย่างแท้จริง
ด้านนายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาดบริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทั้งนี้แอลจียังมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อเสริมแกร่งความเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ตามวิสัยทัศน์ Future Vision 2030 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจเดิมอย่างเต็มที่ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มธุรกิจโซลูชันเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (Home Appliance Solution: HS) มุ่งเน้นการบูรณาการ AI เพื่อยกระดับความสะดวกสบายภายในบ้านของลูกค้าชาวไทย เช่น เครื่องซักผ้า ตู้เย็น
2. กลุ่มธุรกิจโซลูชันด้านสื่อและความบันเทิง (Media Entertainment Solution: MS) เดิมคือ โฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ หรือกลุ่มทีวี ที่ปรับเปลี่ยนจากผู้ให้บริการฮาร์ดแวร์ไปสู่ผู้ให้บริการคอนเทนต์และบริการ ด้วยการการมอบโซลูชันความบันเทิงที่เหนือระดับ 3.กลุ่มธุรกิจโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco Solution: ES) ผ่านการพัฒนาโซลูชัน HVAC และโซลูชันที่มีเฉพาะสำหรับประเทศไทย เช่น แอร์ ทั้งแอร์บ้านและแอร์เชิงพานิชย์
4.กลุ่มธุรกิจโซลูชันยานยนต์ (Vehicle Solution: VS) ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย เช่น ชิ้นส่วนระบบในรถยนต์ ซึ่งในไทยกลุ่ม VS ยังไม่ได้ทำ จึงมุ่งใน 3 กลุ่มแรกเป็นหลัก โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็น HS 53%, MS 30% และ ES 16% ซึ่งปีนี้จะนำเสนอสินค้าที่มี AI เข้ามามากขึ้น
ปัจจุบันแอลจีมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายกว่า 900 สาขาทั่วประเทศ ปีนี้มีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นให้สอดรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนธุรกิจ B2B จาก 11% เป็น 15% ควบคู่ไปกับการรุกตลาด D2C (Direct to Consumer) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ “LG.com” เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง
รวมถึงการขยายช่องทางร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 15% โดยยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้า B2C (Business to Consumer) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก โดยรักษาสัดส่วนไว้ที่ 70%
นายอำนาจ กล่าวต่อว่า ปีนี้แอลจี ประเทศไทยพร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 38 อย่างแข็งแกร่ง โดยนำ AI (Affectionate Intelligence) หรือ "ความอัจฉริยะที่มีเสน่ห์" เป็น AI ที่แตกต่าง เข้าใจและอยู่กับความเป็นมนุษย์มากขึ้น ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ในปี 2568 ที่จะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการต่างๆ ผ่านการเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ของแอลจี เช่น 1.เครื่องซักผ้า จะมีการนำ LG WashTower รุ่นใหม่ที่มาพร้อม UX Interface ที่สามารถปรับแต่งได้ตามการใช้งานของแต่ละคน มาสู่ตลาดไทยในเร็วๆ นี้ 2.ทีวี นำเสนอไลน์อัปพรีเมียมอย่าง LG SIGNATURE OLED M ทีวีไร้สายอัจฉริยะรุ่นแรกของโลก รวมถึง LG QNED evo AI 3.เครื่องปรับอากาศ ด้วยนวัตกรรม AI Air ที่มาพร้อมความสามารถใหม่ๆ ที่เข้าใจและเรียนรู้ไลฟ์สไตล์
ปัจจุบันแอลจียังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดใหญ่ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้า รวมถึงตู้เย็นสองประตู ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมา แอลจีเติบโต 5% คิดเป็นมูลค่าที่ 15,200 ล้านบาท ตั้งเป้าในปี 2568 นี้ จะเติบโต 15% หรือน่าจะปิดที่ 17,550 ล้านบาท โดยโตจากช่องทางขายเดิม ออนไลน์ ธุรกิจใหม่ๆ อย่าง ซับสคริปชั่น ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นนวัตกรรม การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ขณะที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า (ตู้เย็น, แอร์, เครื่องซักผ้า และทีวี) ในปี 2567 เติบโต 3.5% หรือมีมูลค่า 82,880 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 15% หรือน่าจะมีมูลค่าสูงถึง 87,025 ล้านบาท