- • หากพบหลักฐานชัดเจน PEA พร้อมระงับการจ่ายไฟฟ้าทันที
- • PEA ยืนยันมาตรการนี้ไม่กระทบรายได้ เนื่องจากการขายไฟฟ้าให้เมียนมาคิดเป็นเพียง 80 (น่าจะเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่เนื้อหาไม่ระบุหน่วย) ของรายได้ทั้งหมด
PEA นัดถกหน่วยงานความมั่นคงในต้นกุมภาพันธ์นี้ เพื่อแก้ปัญหาการใช้ไฟฟ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และธุรกิจสีเทาตามแถบตะเข็บชายแดนเมียนมา หากมีหลักฐานชัดเจนก็พร้อมระงับการจ่ายไฟฟ้าทันที ยืนยันไม่กระทบรายได้ เหตุแต่ละปีขายไฟฟ้าให้เมียนมา 800ล้านบาท
นายประดิษฐ์ เฟื่องฟู รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(PEA) ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดเผยว่า PEA ได้ส่งหนังสือเป็นทางการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานความมั่นคง กระทรวงต่างประเทศ รวมถึงรัฐบาลเมียนมาผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อขอให้เมียนมากำกับดูแลและควบคุมการจ่ายไฟฟ้าไปตามสิทธิสัมปทาน ณ จุดซื้อขายไฟฟ้าและไม่ใช่ธุรกิจสีเทา หลังจากมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพ นำสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่จากผู้ให้บริการของไทยไปใช้ในการกระทำความผิดหรือสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย ทำให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
โดย PEAเตรียมประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อหารือประเด็นดังกล่าวภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ หากพบว่ามีหลักฐานเชิงประจักษ์แน่นอนว่าการจ่ายไฟฟ้าไปเมียนมาส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศไทย ทางPEA ก็พร้อมที่จะระงับการจ่ายไฟฟ้าได้ในทันที
ซึ่งการงดจ่ายไฟฟ้าให้กับเมียนมาจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ มีหลักฐานชัดเจนเชิงประจักษ์ว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย ยอมรับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และPEAไม่สามารถดำเนินการระงับการจ่ายไฟได้เองหากไม่มีหลักฐานชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบต่อชาวบ้านที่อยู่แถบตะเข็บชายแดน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ปัจจุบันPEAจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เมียนมา จำนวน 5 จุด ในพื้นที่ 1. บ้านเจดีย์สามองค์ - เมืองพญาตองซู รัฐมอญ บริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากเมียนมา
2. บ้านเหมืองแดง - เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ผู้ได้รับสัมปทานจากเมียนมา
3. สะพานมิตรภาพไทย – พม่า - เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานจากเมียนมา
4. สะพานมิตรภาพไทย – พม่า แห่งที่ 2 อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง บริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจาก เมียนมา และ5. บ้านห้วยม่วง - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง มีบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited (SMTY) ผู้ได้รับสัมปทานจากเมียนมา
โดยปริมาณการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปเมียนมาทั้ง 5 จุดรวมปีละ 210 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นเงินประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี ซึ่งน้อยมาก อาทิ การจ่ายไฟฟ้าที่จุดท่าขี้เหล็กเฉลี่ยเดือนละ 50 ล้านบาท เท่ากับค่าไฟฟ้าต่อเดือนของห้างฟิวเจอร์ รังสิต ดังนั้นหากมีการระงับการจ่ายไฟฟ้าให้เมียนมาก็ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของPEA
ที่ผ่านมา PEAไม่เคยนำประเด็นความมั่นคงมาใช้ระงับการจ่ายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการระงับการจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ 2 จุดที่บ้านวังผา อ.แม่ระมาด - บ.ก๊กโก๋ อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง เมื่อปี2566 เนื่องจากทางเมียนมาแจ้งผ่านมายังกระทรวงต่างประเทศของไทยให้ PEA งดจ่ายไฟฟ้า และอีกจุดเมื่อปี 2567 ในพื้นที่ อ.เชียงแสน - เมืองพงษ์ จ.ท่าขี้เหล็ก คู่สัญญาผิดนัดชำระค่าไฟฟ้า ทำให้ PEA ยกเลิกจุดซื้อขายไฟฟ้าทั้ง 3 จุดดังกล่าวแล้ว
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้PEA อยู่ระหว่างร่างแก้ไขสัญญาขายไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้านใหม่ ที่มีรายละเอียดการจ่ายไฟฟ้าที่ชัดเจน และประเด็นความมั่นคงของประเทศที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งร่างสัญญาดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักอัยการสูงสุด หลังจากนั้นจะนำเสนอบอร์ดPEAเพื่ออนุมัติต่อไป โดยไม่ต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
โดยร่างแก้ไขสัญญาดังกล่าวจะครอบคลุมสัญญาขายไฟฟ้าให้กับเมียนมา ลาว และกัมพูชา ซึ่ง PEA มีการขายไฟฟ้าให้กับเมียนมาปีละ 210 ล้านหน่วย กัมพูชา 216 ล้านหน่วย และลาว 6.3 แสนหน่วย รวมแล้วคิดเป็น 0.27%ของปริมาณไฟฟ้าที่PEAจำหน่าย
“ปัจจุบัน PEAมีลูกค้าราว 22 ล้านราย ดังนั้นPEAไม่มีทางรู้ว่ามีลูกค้ารายใดนำไฟฟ้าไปใช้ผิดกฎหมาย เว้นแต่ลูกค้าจะไม่ชำระเงินค่าไฟฟ้าตามกำหนดหรือขโมยไฟฟ้าใช้ ก็จะถูกตัดไฟ “
การจำหน่ายไฟฟ้าให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาของPEA เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2539 เห็นชอบหลักการให้PEAขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้านในบริเวณหมู่บ้านที่ใกล้กับเขตชายแดนของประเทศไทย โดยไม่ต้องขออนุมัติในระดับนโยบายอีก ซึ่งการจะยกเลิกการจ่ายกระแสไฟฟ้านั้นมี 2กรณี คือ คู่สัญญาดำเนินการผิดสัญญา และกระทบความมั่นคงของประเทศ