ส.อ.ท.ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ปีนี้ 1.5 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคันและผลิตเพื่อขายในประเทศ 5 แสนคัน โดยปี 67 ยอดผลิตรถยนต์ลดลง 19.95% อยู่ที่ 1,468,997 คัน เป็นผลจากยอดขายรถยนต์ในประเทศทรุดเหลือเพียง 572,675 คัน ต่ำสุดในรอบ 14 ปี และการส่งออกรถยนต์ก็ปรับลดลงเช่นกัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 ยังคงตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1,500,000 คัน หลังจากปี 2567 พลาดเป้า มีการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1,468,997 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1,000,000 คัน เท่ากับ 66.66 %ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 500,000 คัน คิดเป็นสัดส่วน 33.34% ของยอดการผลิตทั้งหมด
ซึ่งปี 2568 ได้ปรับลดเป้าการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกลงเหลือ 1,000,000 คัน จากปี 2567 ที่ผลิตเพื่อส่งออก 1,009,141 คัน หรือลดลง 0.91 % เนื่องจากมาตรการด้านการค้าและอื่น ๆ ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ”โดนัลด์ ทรัมป์” ที่จะขึ้นภาษีอากรนำเข้า ซึ่งหากสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเม็กซิโกก็อาจจะกระทบการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนฯของไทยที่ส่งออกไปเม็กซิโกด้วย รวมทั้งประเทศคู่ค้ามีการผลิตรถกระบะซึ่งอาจจะลดคำสั่งซื้อจากไทยลง และมาตรการเข้มงวดการปล่อยคาร์บอนของรถยนต์ของประเทศคู่ค้าทั้งอียู และออสเตรเลียทำให้รถยนต์บางรุ่นนำเข้าไม่ได้
สำหรับการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศในปี 2568 นั้น ก็ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 500,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 459,856 คัน หรือโตขึ้น 8.73% เนื่องจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโครงการ EV 3.0 ในอัตรา 1.5 เท่า รวมทั้งคาดการณ์เศรษฐกิจในประเทศในปีนี้จะขยายตัว 2.4-2.9% และการแจกเงินของรัฐบาลให้กลุ่มต่าง การลดดอกเบี้ยในประเทศทำให้ภาระการชำระหนี้ลดลงช่วยเพิ่มอำนาจซื้อในประเทศ
ทั้งนี้ ยอดการผลิตรถยนต์ในปี 2567 รวมทั้งสิ้น 1,468,997 คัน ลดลงจากปีก่อน 19.95% ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 572,675 คัน ต่ำสุดในรอบ 14 ปี และลดลงจากปี 2566 ราว 26.18% เนื่องจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนสูง หนี้เสียรถยนต์ยังเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลงโดย ทำให้แรงงานมีอำนาจซื้อลดลง
ส่วนการส่งออกส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในปี 2567 อยู่ที่ 1,019,213 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกัน 8.80% แบ่งเป็นรถกระบะ ICE 583,770 คัน ลดลงจากปีก่อน 11.49% รถยนต์นั่ง ICE 250,184 คัน ลดลง 20.91% รถยนต์นั่ง HEV 49,438 คัน เพิ่มขึ้น 233.03% และรถ PPV 135,821 คัน เพิ่มขึ้น 7.11% โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์รวม 699,162.47 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ประมาณ 2.89 %
โดยยอดการผลิตรถยนต์ในปี 2567 แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง ICE 349,934 คัน ลดลง 28.66% รถยนต์นั่ง BEV มีจำนวน 9,688 คัน เพิ่มขึ้น 5,807.32% รถยนต์นั่ง PHEV จำนวน 7,981 คัน ลดลง 11.22% รถยนต์นั่ง HEV มีจำนวน 190,837 คัน เพิ่มขึ้น 30.58% รถกระบะ 893,700 คัน ลดลง 22.39% และรถยนต์บรรทุกขนาด1-5ตันรวม 16,847คัน ลดลง 55.04%