- • ใช้แนวคิด "Eternal Dream" ในการพัฒนาธุรกิจ
- • ยืนยันความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมครบวงจร
- • ใช้โมเดล "All Win" ในการดำเนินงาน
- • ขยายพื้นที่การลงทุน
“อมตะ” ผู้นำด้านการพัฒนาและบริหารเมืองอุตสาหกรรมครบวงจร ก้าวสู่ปีที่ 50 ขับเคลื่อนแผนพัฒนาธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “Eternal Dream” ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมครบวงจรด้วยโมเดล “All Win” เดินหน้าขยายพื้นที่การลงทุนใน 3 ประเทศ ทั้งไทย, เวียดนาม และลาว สู่ฐานการผลิตสำคัญภูมิภาคอาเซียน เชื่อมต่อเศรษฐกิจโลก
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปีของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอมตะ เพื่อรองรับการลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีส่วนสำคัญต่อการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเลือกพื้นที่และทำเลการลงทุนสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่งผลให้เกิดการลงทุนและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่สามารถพัฒนานิคมฯ สู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบ (Perfect City) โดยคำนึงถึงอุตสาหกรรมที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจจนถึงปี 2567 อมตะได้มีการลงทุนรวมมูลกว่า 250,000 ล้านบาทในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 4 แห่งในประเทศไทย โดยเฉพาะในปี 2567 ถือเป็นปีที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และในปีนี้ได้มีนักลงทุนที่มีศักยภาพสูงเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอมตะในประเทศไทยจำนวนมาก เช่น โรงงานผลิตนาฬิการะดับโลก และศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการจากจีนที่สนใจลงทุนในพื้นที่กว่า 400 ไร่ ส่งผลให้ปี 2567 เป็นปีที่โดดเด่นสำหรับอมตะในการขายที่ดินและดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่นิคมฯ อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน อมตะมีพื้นที่พัฒนารวมกว่า 93,000 ไร่ ครอบคลุม 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และ สปป.ลาว พร้อมแผนขยายการลงทุนในพื้นที่ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคต เช่น ดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า และศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์
“อมตะมุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน เน้นให้ความสำคัญต่อการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมและยั่งยืน อาทิ การบริหารจัดการน้ำ สามารถรองรับการใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 3 ปี แม้ในสภาพที่ไม่มีฝนตก รวมถึงการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ และการสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” นายวิกรมกล่าว
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศเพื่อรองรับและตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศเวียดนามและ สปป.ลาว โดยเมื่อเร็วๆ นี้อมตะอยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนานิคมฯ ใหม่ในจังหวัดฟู้เถาะ ทางตอนเหนือของเวียดนามใกล้ชายแดนจีน ซึ่งตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เชื่อมเส้นทางรถไฟจากเวียดนามสู่จีน ตอบโจทย์อุตสาหกรรมและการขนส่งสินค้าการลงทุน โดยเวียดนามยังเป็นตลาดที่เติบโตสูงที่สุดในภูมิภาค ด้วยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 5-6% ต่อปี
ในขณะที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะใน สปป.ลาว มีเป้าหมายที่จะพัฒนาที่ดินในภาคเหนือของ สปป.ลาว จำนวน 130,000 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ในแขวงอุดมไซ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงนาหม้อ ห่างจากชายแดนลาว-จีน เพียง 40 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดและสามารถเชื่อมต่อไปยังไทย เวียดนามและพม่าได้ ซึ่งจะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคและกระตุ้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคบนพื้นที่เฟสแรกจำนวน 6,000 ไร่ เพื่อรองรับการลงทุน คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2568
อย่างไรก็ตาม อมตะยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญา “All Win” โดยสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง