xs
xsm
sm
md
lg

กกพ.รับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากSPP-VSPPระยะสั้น2ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • รับซื้อจาก SPP และ VSPP เท่านั้น
  • • อัตราซื้อไฟฟ้าชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และขยะ 2.20 บาท/หน่วย
  • • อัตราซื้อไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 1 บาท/หน่วย
  • • ระยะเวลาโครงการไม่เกิน 2 ปี


กกพ.ประกาศรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากSPP-VSPP ระยะสั้นไม่เกิน 2ปี (2568-69)เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน โดยกำหนอัตรารับซื้อไฟฟ้ากลุ่มเชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และขยะ 2.20 บาทต่อหน่วย กลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ 1 บาทต่อหน่วย และพลังงานลม 0.50 บาทต่อหน่วย

รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และ ผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP)ระยะสั้นส่วนเพิ่มเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน เฉพาะผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้า รวมทั้งมีโรงไฟฟ้าอยู่แล้ว และไม่มีการลงทุนใหม่ กำหนดรับซื้อไฟฟ้า 2ปี โดยรับรับซื้อตั้งแต่ปี2568-2569 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2569) กำหนดราคารับซื้อไฟฟ้ากลุ่มเชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และขยะ 2.20 บาทต่อหน่วย, กลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ 1 บาทต่อหน่วย และพลังงานลม 0.50 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 กกพ.ประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าระยะสั้นเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน จากผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้า (ฉบับที่ 4)  พ.ศ. 2568  ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2567 ที่มีมติให้ขยายมาตรการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนส่วนเพิ่มจากปี 2567 ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยรับซื้อตั้งแต่ปี 2568-2569 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2569

ทั้งนี้ ประกาศระบุว่า การทำสัญญาจะเป็นรูปแบบไม่บังคับปริมาณซื้อขายไฟฟ้า (Non-Firm) และต้องมีความพร้อมจ่ายไฟฟ้าภายในปี 2569 ซึ่งหากพบข้อจำกัดด้านศักยภาพระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Capacity) การไฟฟ้าสามารถบอกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ และให้การไฟฟ้าสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ได้จัดหาไฟฟ้าตามประกาศนี้ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยยายของภาครัฐ หรือ หมดความจำเป็น หรือเป็นภาระเกินควรแก่ผู้ใช้ไฟฟ้า หรือเหตุอื่นที่เกิดขึ้นจนทำให้ไม่สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้

โดยประกาศดังกล่าวเป็นไปตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2567 ที่กำหนดรายละเอียดไว้ดังนี้ กพช. มีมติให้ขยายมาตรการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนส่วนเพิ่ม โดยรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมจากผู้ผลิตไฟฟ้าSPP และVSPP จากสัญญาเดิมหรือนอกเหนือจากกลุ่มสัญญาเดิม โดยรับซื้อพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมจากผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีโรงไฟฟ้าอยู่แล้ว ไม่มีการลงทุนใหม่ และมีความพร้อมในการจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) หรือการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) สามารถรองรับได้ โดยรับซื้อตั้งแต่ปี 2568-2569 ไม่เกิน 2 ปี ในรูปแบบไม่บังคับปริมาณซื้อขายไฟฟ้า (Non-Firm)

ส่วนอัตรารับซื้อไฟฟ้า เป็นดังนี้
เชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และขยะ รับซื้อ 2.20 บาทต่อหน่วย พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ,แบบติดตั้งบนพื้นดิน และแบบทุ่นลอยน้ำ รับซื้อ 1 บาทต่อหน่วย และพลังงานลม รับซื้อ 0.50 บาทต่อหน่วย

สำหรับความเป็นมาของมาตรการรับซื้อไฟฟ้าระยะสั้นเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานนั้น ต้องย้อนกลับไปในปี 2565  เมื่อเกิดปัญหาวิกฤติราคาพลังงาน จากผลกระทบของสงครามระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ประกอบกับเป็นช่วงที่แหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณยังผลิตก๊าซฯ เข้าระบบไม่เต็มที่ตามสัญญา ทำให้ไทยได้รับผลกระทบด้านเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าทั้งด้านราคาและปริมาณ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในช่วงนั้นเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ในการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่เหลือใช้ของผู้ประกอบการ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า และลดปัญหาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ช่วงนั้นมีราคาแพงมาก

แม้ปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้อยู่ในช่วงของวิกฤติพลังงาน แต่โครงการดังกล่าวถือว่ามีประโยชน์ เนื่องจากราคารับซื้อไฟฟ้าไม่แพง ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดค่าไฟฟ้าลงได้ และลดการนำเข้า LNG ลงได้ประมาณ 1 ลำเรือ หรือประมาณ 60,000 ตัน  นอกจากนี้เมื่อได้สอบถามความเห็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนก็พบว่า ยังมีความสนใจขายไฟฟ้าส่วนเกินดังกล่าวให้ภาครัฐเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่า 2 ปีจากนี้ น่าจะรับซื้อได้ประมาณเกือบ 100 เมกะวัตต์ 


กำลังโหลดความคิดเห็น