- • สอดคล้องนโยบายเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติ: การนำเข้า LNG ครั้งนี้สนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมการแข่งขันในตลาดก๊าซธรรมชาติ
- • เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน: ช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
- • ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ: มีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
GULF ปลื้มนำเข้าLNG ล็อตแรกป้อนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในกลุ่มกัลฟ์ เพื่อดำเนินตามนโยบายเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติของรัฐที่มุ่งส่งเสริมการแข่งขัน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
รายงานข่าวจากบริษัท กัลฟ์ แอลเอ็นจี จำกัด (Gulf LNG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ถือหุ้น 100% ที่ได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper License) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการนำเข้าก๊าซ LNG ปริมาณ 6.4 ล้านตันต่อปี เพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าในเครือ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า IPP ทั้งโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) และโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) โครงการโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 19 โครงการ และลูกค้าอุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.68 บริษัท กัลฟ์ แอลเอ็นจี ประสบความสำเร็จในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เข้าสู่ประเทศไทยเป็นเที่ยวแรก เพื่อจำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติของกลุ่มบริษัทกัลฟ์ ความสำเร็จในการนำเข้าก๊าซ LNG ครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการดำเนินตามนโยบายเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติของรัฐที่มุ่งส่งเสริมการแข่งขัน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดหาแหล่ง
สำหรับเที่ยวเรือ LNG ลำแรกนี้ บริษัทกัลฟ์ แอลเอ็นจีได้ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซ LNG กับบริษัท ADNOC Trading โดยใช้บริการสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุดแห่งที่ 2 (LMPT2) ของบริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด (PE LNG) ในการแปรสภาพของเหลวเป็นก๊าซ และส่งเข้าระบบท่อส่งก๊าซของ ปตท.เพื่อส่งไปยังโรงไฟฟ้าในเครือกลุ่มบริษัทกัลฟ์ต่อไป
นอกจากนี้กัลฟ์มีแผนที่จะขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติที่กำลังมองหาผู้ให้บริการรายใหม่ รวมไปถึงการพัฒนาโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 โดยแบ่งเป็นการถมทะเล ซึ่งดำเนินการเรียบร้อยไปแล้วมากกว่า 95% และในส่วนของการพัฒนาโครงการสถานีรับ-จ่าย ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Terminal) คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมและความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในอนาคต