เปิดสรรหา ผอ.กพท.คนใหม่ “พล.อ.อ. มนัท ชวนะประยูร” ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศเข้าวิน จ่อนั่งเก้าอี้ หลัง "สุทธิพงษ์ คงพูล" ครบวาระ 4 ปีในเดือน ก.พ.นี้ สานต่อภารกิจพัฒนายกระดับมาตรฐานการบินประเทศไทย
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า จากที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท.ได้มีการเปิดสรรหาผู้อำนวยการ กพท.คนใหม่ เนื่องจาก นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการ กพท.คนปัจจุบันจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีในวันที่ 16 ก.พ. 2568 โดย นายโชติชัย เจริญงาม ประธานคณะอนุกรรมการสรรหาและคัดเลือกผู้อำนวยการ กพท. ได้ลงนามในประกาศเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 เรื่อง รับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ กพท. โดยกำหนดยื่นใบสมัครตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. 2567-วันที่ 2 ธ.ค. 2567 และในวันที่ 11 ธันวาคม 2567 คณะอนุกรรมการสรรหาและคัดเลือกผู้อำนวยการ กพท.ได้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการสอบสัมภาษณ์คัดเลือก และนำเสนอวิสัยทัศน์และแผนกลยุทธ์ จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1. พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ 2. นายปรีดา ยังสุขสถาพร ผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา โดยให้เข้ารับการสัมภาษณ์คัดเลือกฯ วันที่ 23 ธันวาคม 2567 พร้อมทั้งจะมีการเจรจาต่อรองอัตราเงินเดือนและประโยชน์อื่นๆ ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดในวันเดียวกันเลย
โดยปรากฏว่า พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร เป็นผู้ได้รับคะแนนสูงสุด และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมประกาศผลการสรรหาอย่างเป็นทางการ
สำหรับพลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ปัจจุบันอายุ 59 ปี เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ ปฏิบัติหน้าที่นายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ และยังเป็นกรรมการ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. (AOT) ในสัดส่วนกรรมการอิสระ โดยได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2566 และเคยเป็นคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) ซึ่งมีรายงานข่าวว่า พลอากาศเอก มนัทได้ยื่นลาออกจากราชการเพื่อเตรียมเข้าดำรงตำแหน่ง ผอ.กพท.แล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า การสรรหา ผอ.กพท.ครั้งนี้ค่อนข้างเงียบ ไม่เหมือนครั้งก่อนที่มีผู้สมัครจำนวนมากและมีการแข่งขันอย่างเข้มข้น ระหว่าง นายจุฬา สุขมานพ ซึ่งเป็น ผอ.กพท.คนแรก และเป็นผู้ทำภารกิจปลดธงแดง ICAO สำเร็จ กับ นายสุทธิพงษ์ คงพูล ซึ่งขณะนั้นเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (มาตรฐานและความปลอดภัย) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) สุดท้ายนายสุทธิพงษ์ชนะคะแนนแบบฉิวเฉียด ท่ามกลางกระแสข่าวว่าได้รับการผลักดันจากผู้บริหารกระทรวงคมนาคมในขณะนี้
ทั้งนี้ ตามประกาศกำหนดว่าผู้อำนวยการ กพท.มีหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการบริหารกิจการของ กพท.ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของ กพท.ตามพระราชกำหนดการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 และตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศและการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายและมติของคณะกรรมการกำกับ กพท. รวมถึงมีหน้าที่เสนอเป้าหมาย แผนงาน และโครงการต่อคณะกรรมการกำกับ กพท.และดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย แผนงานและโครงการนั้น ฯลฯ และต้องดำเนินการและควบคุมดูแลให้มีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ กพท.ในการควบคุมและกำกับดูแลเกี่ยวกับการบินพลเรือน ให้เกิดความรวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ รวมทั้งต้องระมัดระวังและแก้ปัญหาทั้งปวง มิให้กิจการการบินพลเรือนของประเทศไทยตกอยู่ในภาวะต่ำกว่ามาตรฐานสากล
โดยกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าสมัคร ต้องเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในด้านการบิน และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในด้านกิจการการบินพลเรือนหรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของสำนักงาน
กำหนดคุณสมบัติทั่วไป มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 45 ปี แต่ไม่เกิน 63 ปี ในวันยื่นใบสมัคร, ไม่เป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้มีอำนาจในการบริหารหรือจัดการของนิติบุคคลที่ประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับการบินพลเรือนทุกด้านในวันที่จะลงนามในสัญญาจ้างเป็น ผอ.กพท., ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นในวันที่จะลงนามในสัญญาจ้างเป็น ผอ.กพท., ไม่เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น เว้นแต่พ้นตำแหน่งแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี, ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง เว้นแต่พ้นตำแหน่งแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี, ไม่เคยถูกถอดถอนจากตำแหน่งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือจากหน่วยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง, ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกพักงาน พักราชการ หรือสั่งให้หยุดงาน เป็นการชั่วคราวในลักษณะเดียวกันกับการพักงานหรือพักราชการ
คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง ดังนี้ วุฒิการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าขึ้นไป จากสถาบันการศึกษาที่ ก.พ.รับรอง, ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน เช่น กรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารของส่วนราชการ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับบริหารต้น หรือเทียบเท่า /กรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งระดับจากผู้บริหารสูงสุด /กรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารองค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งระดับถัดจากผู้บริหารสูงสุด / กรณีเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งระดับถัดจากผู้บริหารสูงสุดองค์กรอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งมีรายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง
สำหรับเงื่อนไขการจ้าง ดำรงตำแหน่ง ผอ.กพท.วาระตามสัญญาจ้างคราวละ 4 ปี และอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระมิได้ หรืออยู่ในวาระได้จนอายุไม่เกิน 65 ปี แล้วแต่วาระใดจะครบก่อน เป็นต้น ระหว่างดำรงตำแหน่งจะมีการประเมินผลการปฏิบัติงานในช่วง 6 เดือนแรก และอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยใช้ตัวชี้วัดตามเป้าหมาย แผนงาน และโครงการที่ทำไว้กับคณะกรรมการกำกับ กพท.