- • ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศพฤศจิกายน 2567 ลดลง 31.34% เหลือ 42,309 คัน สาเหตุหลักมาจากการเข้มงวดสินเชื่อ
- • ยอดส่งออกรถยนต์พฤศจิกายน 2567 ลดลง 10% เหลือ 89,646 คัน
ส.อ.ท.เผยยอดผลิตรถยนต์ในพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 117,251 คัน ลดลงร้อยละ 28.23 ขณะที่ยอดขายรถยนต์รวม 42,309 คัน ลดลงร้อยละ 31.34 จากการเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน และรถยนต์เพื่อส่งออก 89,646 คัน ลดลงร้อยละ 10 ลุ้นยอดผลิตรถยนต์เดือนธ.ค.นี้หวังเข้าเป้าหมายการผลิตรถยนต์ทั้งปี67แตะ1.5ล้านคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมเปิดเผยจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤศจิกายน 2567 มีทั้งสิ้น 117,251 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปี2566 ร้อยละ 28.23 เป็นการผลิตส่งออกลดลงร้อยละ 20.67 และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงร้อยละ 40.42 และลดลงจากเดือนตุลาคม 2567 ร้อยละ 1.34
โดยจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 11เดือนปี2567 (มกราคม - พฤศจิกายน)มีจำนวนทั้งสิ้น 1,364,119 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.14 ซึ่งต้องลุ้นว่าว่าเดือนธันวาคมนี้ยอดการผลิตรถยนต์จะแตะระดับ 1.4 แสนคันหรือไม่เพื่อให้ไดตามเป้ายอดการผลิตรถยนต์ปีนี้ที่ 1.5ล้านคัน หลังจากปรับลดเป้าหมายลงจากเดิมที่ 1.7ล้านคันต่อปี
ทั้งนี้ การผลิตรถยนต์นั่ง ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 45,491 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 24.68 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine( ICE )มีจำนวน 28,876 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 32.04 รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle (BEV)มีจำนวน 464 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 46,400 รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV)มีจำนวน 386 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 48.53และรถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle (HEV)มีจำนวน 15,765 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 8.11
ส่วนยอดผลิตของรถยนต์นั่งช่วง 11 เดือนปีนี้ มีจำนวน 519,691 คัน เท่ากับร้อยละ 38.10 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 13.20 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งICE มีจำนวน 330,807 คัน ลดลงร้อยละ 27.84 รถยนต์นั่ง BEV มีจำนวน 8,490 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5,522.52 ,รถยนต์นั่ง PHEV มีจำนวน 5,453 คัน ลดลงร้อยละ 37.85 และรถยนต์นั่ง HEV มีจำนวน 174,941คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.18
นายสุรพงษ์ กล่าวว่าในเดือนพฤศจิกายน 2567 รถยนต์ผลิตเพื่อส่งออกรวม 80,022 คัน เท่ากับร้อยละ 68.25 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 20.67 ส่วนเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 941,938 คัน เท่ากับร้อยละ 69.05 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 12.25
โดยรถยนต์นั่ง เดือนพฤศจิกายน 2567 ผลิตเพื่อการส่งออก 23,925 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 21.13 และช่วง11เดือนปีนี้ 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 280,742 คัน เท่ากับร้อยละ 54.02 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากเดือนมกราคม -พฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 8.27
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤศจิกายน 2567 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 56,097 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 20.47 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 661,196 คัน เท่ากับร้อยละ 79.80 ของยอดการผลิตรถกระบะ ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2566 ร้อยละ13.84
ส่วนการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 37,229 คัน เท่ากับร้อยละ 31.75 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 40.42 และเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ผลิตได้ 422,181 คัน เท่ากับร้อยละ 30.95 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 33.48
โดยรถยนต์นั่ง เดือนพฤศจิกายน 2567 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 21,566 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 28.26 แต่ในช่วง 11เดือนปีนี้ ผลิตได้ 238,949 คัน เท่ากับร้อยละ 45.98 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2566 ลดลงร้อยละ 18.35
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤศจิกายน 2567 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 14,726 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 48.72 และตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 167,336 คัน เท่ากับร้อยละ 20.20 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 45.56
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 42,309 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2567 ร้อยละ 12.25 แต่ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 31.34 จากการเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอเติบโตในอัตราต่ำที่ 3% ในไตรมาสสามของปีนี้ แต่หนี้เสียรถยนต์เพิ่มขึ้น 22.8% จากไตรมาสสามปีที่แล้ว หนี้ครัวเรือนสูงถึง 89.6% ของ GDP ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลง ยอดขายบ้านลดลงจากปีที่แล้ว รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในอัตราต่ำ
ส่วนช่วง11เดือนปีนี้ รถยนต์มียอดขาย 518,659 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 26.69
นายสุรพงษ์ กล่าวว่าการส่งออกรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ส่งออกได้ 89,646 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 6.30 แต่ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 10 คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 57,957.65 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 11.62
สาเหตุที่การส่งออกรถยนต์ลดลงจากปีก่อน เพราะปีที่แล้วฐานสูงและสงครามอิสราเอลกับฮามาสขยายไปหลายพื้นที่ทำให้จำนวนเที่ยวเรือมารับรถน้อยลงรวมทั้งหลายประเทศในเอเชียได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ชะลอตัวลง จึงส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ส่งออกเพิ่มขึ้นตลาดอเมริกาเหนือแห่งเดียว
ดังนั้น การส่งออกรถยนต์ในช่วง 11เดือนปีนี้อยู่ที่ 942,867 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 8.21 โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 646,748.13 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.63
ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 7,354 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วร้อยละ 34.86 ส่วนช่วง11เดือนแรกปีนี้ มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 89,658 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.94