- • ข้อ 1. (รายละเอียดจากต้นฉบับขาดหายไป กรุณาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อสรุปให้ครบถ้วน)
- • ข้อ 2. (รายละเอียดจากต้นฉบับขาดหายไป กรุณาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อสรุปให้ครบถ้วน)
- • ข้อ 3. (รายละเอียดจากต้นฉบับขาดหายไป กรุณาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อสรุปให้ครบถ้วน)
- • ข้อ 4. (รายละเอียดจากต้นฉบับขาดหายไป กรุณาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อสรุปให้ครบถ้วน)
- • ข้อ 5. (รายละเอียดจากต้นฉบับขาดหายไป กรุณาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อสรุปให้ครบถ้วน)
- •*หมายเหตุ: เนื่องจากข้อความต้นฉบับไม่ระบุ 5 แนวโน้ม จึงไม่สามารถสรุปเป็นข้อๆ ได้ กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ทรินา โซลาร์ฯเผย 5 แนวโน้มพลังงานแสงอาทิตย์ที่น่าจับตาในปี 2568 เพื่อการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
นางสาวเอลวา หวัง ผู้อำนวยการกลุ่มประจำเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียกลาง บริษัท ทรินา โซลาร์ เอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่สร้างความกังวลมากที่สุดในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจนส่งผลต่อการผลิตอาหาร หรือปัญหาน้ำท่วม ดังนั้นรัฐบาลไทยจึงมีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาทางด้านพลังงานหมุนเวียนทั่วประเทศเพื่อบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยมีมาตรการจูงใจ นโยบายเชิงยุทธศาสตร์ และมาตรการกำกับดูแลหลายอย่าง เช่น อัตรารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ (Feed-in Tariffs) และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ที่กำหนดกรอบยุทธศาสตร์ด้านพลังงานหมุนเวียน
ข้อมูลจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ประจำปี 2567 ระบุว่า พลังงานหมุนเวียนจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 51% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในประเทศภายในปี 2580 โดยเพิ่มขึ้นจาก 20% ในปี 2566 และการเดินหน้าสู่พลังงานสะอาดดังกล่าวนี้จะทำให้พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนสำคัญภายใต้แผน PDP ฉบับใหม่ โดยคาดหวังว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์เป็น 33,269 เมกะวัตต์ ได้ภายในปี 2580 จากเดิมที่ผลิตได้เพียง3,193 เมกะวัตต์ในปี 2567
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานของไทยยังมีแผนที่จะเปิดตลาดพลังงานให้กว้างขึ้นโดยอนุญาตให้มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างเอกชนภายใต้หลักเกณฑ์ใหม่สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา
แม้ว่าในอนาคตจะมีการเติบโตมากขึ้น แต่ก็มีความไม่แน่นอนในการเข้าถึงโครงข่ายไฟฟ้า และข้อจำกัดด้านพื้นที่สำหรับการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ ต้องมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานช่วยปลดล็อกศักยภาพของพลังงานแสงอาทิตย์
โดยในปี 2568 มีแนวโน้มด้านพลังงานแสงอาทิตย์ที่น่าจับตาอยู่ 5 ประการคือ
1. แผงโซลาร์เซลล์ประสิทธิภาพสูง: เทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีต้นทุนลดลง โดยเทคโนโลยีโซลาร์ TOPCon จะยังคงเป็นตัวเลือกระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์อย่างน้อยในอีกห้าปีข้างหน้า เพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการเติมช่องว่างของตลาดด้วยประสิทธิภาพที่สูงกว่า สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทั้งสองด้าน (bifacial) ทำให้ผลิตพลังงานได้มากขึ้น
2. พลังงานแสงอาทิตย์และการกักเก็บพลังงาน: ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2573 ตลาดการกักเก็บพลังงานทั่วโลกจะเติบโตที่อัตราเฉลี่ย 21% ต่อปี จนแตะระดับ 137 กิกะวัตต์/442 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ภายในปี 2573 อันเป็นผลมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เช่น การเปลี่ยนจากแบตเตอรี่ NMC (Lithium Nickel Manganese Cobalt Oxide) มาเป็นแบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate) ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
โดยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ LFP ได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าในด้านระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ที่ผสานการทำงานร่วมกับ AI และแมชีนเลิร์นนิง ระบบที่ทันสมัยเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อย่างชัดเจนผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพของรอบการชาร์จและการคายประจุ และยังสามารถทำการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ความต้องการแบตเตอรี่ LFP ที่ถือเป็นกำลังหลักในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของภูมิภาค ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย จีน ไทย และญี่ปุ่น โดยรายงานจาก Mordor Intelligence ระบุว่า ตลาดแบตเตอรี่ LFP ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่าประมาณ 46,820 ล้านเหรียญสหรัฐในปี2567และคาดว่าจะแตะระดับ60,940 ล้านเหรียญสหรัฐในปี2572 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) มากกว่า 5% ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว อีกทั้งในตลาดอย่างเช่นประเทศไทยนั้น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่ เช่น ระบบสาธารณูปโภค เฮล์ทแคร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และในด้านอื่นๆ
3. ระบบโซลาร์เซลล์ไฮบริด: ระบบไฮบริดกำลังเป็นที่น่าสนใจสำหรับการผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ ในขณะที่มีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น โรงไฟฟ้าก็มีตัวเลือกมากขึ้นในการจัดการกับพลังงานหมุนเวียน ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจพาณิชย์สามารถผสานระบบผลิตไฟฟ้าจากหลายแหล่งพลังงานไว้ได้ในระบบเดียว
โรงไฟฟ้าหรือผู้ใช้พลังงานรายใหญ่สามารถติดตั้งฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนพื้นดินควบคู่ไปกับชนิดลอยน้ำ หรือผสานโรงไฟฟ้าพลังน้ำเข้ากับฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดลอยน้ำ แล้วใช้งานร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน โดยระบบเหล่านี้สามารถเพิ่มและจัดการประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าให้สูงสุด ทำให้มีการใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่าและช่วยลดต้นทุนได้
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วแต่มีพื้นที่จำกัด ฟาร์มโซลาร์เซลล์ชนิดลอยน้ำจึงเป็นทางออกที่น่าสนใจเพราะช่วยผลิตพลังงานสะอาดได้โดยที่ยังคงอนุรักษ์ผืนดินและลดการระเหยของน้ำ โซลาร์ฟาร์มแบบไฮบริดซึ่งผสานแผงโซลาร์เซลล์ชนิดลอยน้ำและชนิดติดตั้งบนพื้นดินเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพและต้นทุนที่ลงตัว ตัวอย่างที่น่าสนใจก็เช่นโครงการโซลาร์ฟาร์มแบบไฮบริดของ Cypark Resources Berhad ในรัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยกำลังผลิต 100 เมกะวัตต์ อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีกำลังการผลิต 31 เมกะวัตต์
4. อะกริวอลทาอิกส์ (Agrivoltaics) หรือการใช้โซลาร์เซลล์ที่ได้ประโยชน์สองทาง หมายถึง การทำการเกษตรควบคู่กับโซลาร์ฟาร์ม เช่น การปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ หรือการสร้างแหล่งที่อยู่ให้แมลงผสมเกสรเอาไว้ใต้หรือใกล้แผงโซลาร์เซลล์
การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในภาคเกษตรกรรมยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เช่น โครงการโรงเรือนพลังงานแสงอาทิตย์กึ่งโปร่งแสงสำหรับเกษตรอัจฉริยะที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยโครงการนี้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานหลักในการกักเก็บน้ำใต้ดินและการใช้พัดลมระบายอากาศในโรงเรือน ตลอดจนอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ที่ใช้ในการควบคุมการทำงาน
ส่วนในระดับโลกนั้น การทำการเกษตรร่วมกับการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ก็เป็นแนวทางที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายพื้นที่ เช่น โซลาร์ฟาร์มในไร่มันฝรั่งที่ประเทศญี่ปุ่น ฟาร์มแกะที่ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในนิวซีแลนด์ การทำประมงควบคู่กับโซลาร์ฟาร์มในจีน
5. การประยุกต์ใช้แผงโซลาร์เซลล์เชิงสร้างสรรค์: ปัจจุบัน เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์แบบโค้งหรือชนิดฟิล์มบาง (Thin-Film) ทำให้สามารถดัด ม้วน หรือออกแบบแผงให้มีรูปทรงโค้งได้ จึงเปิดโอกาสให้วิศวกรและศิลปินสามารถพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม แผงโซลาร์เซลล์ที่ยืดหยุ่นซึ่งทำจากวัสดุ PV หรือแผ่นฟิล์มบางนั้นมีน้ำหนักเบาและใช้งานได้หลากหลาย เช่น สามารถนำไปติดตั้งบนหลังคา ยานพาหนะ หรือแก็ดเจ็ตที่สวมใส่กับร่างกาย
แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ก็ถือเป็นแนวทางที่ช่วยขยายขอบเขตจินตนาการและทำให้พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้
นวัตกรรมที่ล้ำสมัยในเทคโนโลยี PV และระบบกักเก็บพลังงานจะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย ยั่งยืน และมีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น