- • ยืนยันตลาดไทยสำคัญระดับภูมิภาค
- • เปิดสาขาใหม่ที่วันแบงค็อก (คอนเซ็ปต์ใหม่)
- • เตรียมปรับโฉมสาขาไอคอนสยามในปีหน้า
ผู้จัดการรายวัน 360 - ทอยส์”อาร์”อัส (Toys“R”Us) เร่งปรับตัวและทิศทางครั้งสำคัญในตลาด เปิดกลยุทธ์ฟื้นฟูแบรนด์ พร้อมยืนยันไทยยังเป็นตลาดที่สำคัญระดับภูมิภาค ล่าสุดเปิดสาขาวันแบงค็อกคอนเซ็ปท์ใหม่ ต่อด้วยการปรับโฉมสาขาไอคอนสยามในปีหน้า
นายลีโอ ชอย ประธานเจ้าหน้าบริหาร ทอยส์“อาร์”อัส เอเชีย (Toys“R”Us Asia) เปิดเผยว่า ทอยส์ อาร์ อั ส ได้เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของบริษัทฯ พร้อมทิศทางการปรับตัวและพัฒนาธุรกิจในรูปแบบที่หลากหลายและพลิกโฉมใหม่ โดยมุ่งสร้างแบรนด์ให้ก้าวไปไกลกว่าการเป็นเพียงผู้ค้าของเล่น แต่เป็นการสร้างให้ ทอยส์“อาร์”อัส เป็นจุดหมายปลายทาง (destination) ที่ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าหลากหลายเจเนอเรชั่น
กลยุทธ์ที่ชัดเจนในการฟื้นฟูแบรนด์ Toys“R”Us เพื่อให้มีความเกี่ยวข้องในตลาดค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเน้นที่การสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายสำหรับกลุ่มครอบครัว, กลุ่มคนทำงาน, และนักท่องเที่ยว ซึ่งจุดเด่นสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้คือการเปิดตัวร้านคอนเซ็ปท์ใหม่ที่ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ซึ่งเป็น คอนเซ็ปต์ สโตร์ (concept store) ใหม่ภายใต้แนวคิด “Playful Heartland” ที่รวมเอาความสวยงามในแบบมินิมัลลิสต์และพื้นที่อินเทอร์แอคทีฟเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครไว้ในที่เดียวกัน
“เราไม่ใช่แค่ร้านขายของเล่นแล้ว แต่เราเป็นจุดหมายปลายทาง (destination) ที่ให้ผู้คนได้ค้นพบความสนุกสนานจากการเล่นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่”
นายลีโอมองตลาด "Kidult" หรือผู้ใหญ่ที่รักการเล่นของเล่น ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยระบุว่า 40% ของประชากรไทยอายุน้อยกว่า 35 ปี ทำให้ Toys“R”Us Asia กำลังปรับตัวเพื่อให้บริการกลุ่มนี้ โดยมองตลาด “Kidult” เป็นกลุ่มที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งผสมผสานความคิดถึงในอดีตกับกระแสสมัยใหม่ โดยกลุ่มสินค้าหลักสำหรับเจาะตลาดลูกค้ากลุ่ม คิดดัลท์ (kidult) ได้แก่
• สินค้าแฟชั่น (fashionable): ความร่วมมือกับนักออกแบบและสัญลักษณ์จากวงการป็อปคัลเจอร์ (pop culture) เพื่อสร้างสินค้าแฟชั่นใช้ได้จริง
• สินค้าเก็บสะสม (collectible): ฟิกเกอร์รุ่นลิมิเต็ด, โมเดล และของที่ระลึกจากแบรนด์ยอดนิยมต่างๆ เช่น หมวกทรานส์ฟอร์มเมอร์ (Transformers) เป็นต้น
• สินค้าที่ใช้ได้จริง (usable): สินค้าที่มีฟังก์ชันและใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน พร้อมยังคงความสนุกสนาน
ความสำเร็จของสินค้าที่ได้รับความนิยมในหมู่ Kidult เช่น กล่องสุ่ม (Blind Box) และสินค้ารุ่นลิมิเต็ดที่ได้รับความสนใจผ่านสื่อโซเชียล
อย่างไรก็ตาม แม้จะเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Kidult แต่ ทอยส์“อาร์”อัส (Toys“R”Us) ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าหลักคือกลุ่มเด็กและกลุ่มครอบครัว คอนเซ็ปต์ สโตร์ โฉมใหม่ จะมีพื้นที่เล่น, สินค้ารูปแบบใหม่, และสินค้ารายการพิเศษเฉพาะภายในร้าน เช่น เรนโบว์ คอง (Rainbow Kong) ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มเยาวชน ซึ่งเน้นสร้างประสบการณ์ที่ครอบครัวสามารถร่วมสนุกและมีเวลาคุณภาพร่วมกัน
แม้ว่าอัตราการเกิดที่ลดลงในประเทศไทยจะเป็นความท้าทายสำหรับตลาดของเล่นแบบดั้งเดิม แต่ก็เปิดโอกาสให้เราเน้นการขยายตลาดไปสู่กลุ่ม Kidult (กลุ่มผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบการเล่นของเล่น) มากขึ้น ปัจจุบัน ธุรกิจของเรามีรายได้จากกลุ่ม Kidult ประมาณ 1 ใน 8 แต่เรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตอย่างมากในตลาดนี้ และคาดว่ากลุ่มนี้จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของธุรกิจทั้งหมดในอนาคต การปรับตัวนี้ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงกลุ่มอายุเดียวเท่านั้น
นายลีโอ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในแผนกลยุทธ์ระดับภูมิภาคของบริษัทฯ โดยมีประชากรวัยเยาว์ที่กำลังเติบโตและการขยายตัวของเมืองที่ทำให้ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต มีข้อมูลว่าการคาดการณ์การเติบโตของอุตสาหกรรมของเล่นและเกมในประเทศไทยว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่ 7.5% (CAGR) ต่อเนื่องในอีกห้าปีข้างหน้า
“ประเทศไทยมีความหลากหลายและเต็มไปด้วยความท้าทายในวงการค้าปลีก ซึ่งทำให้ไทยเป็นตลาดที่สมบูรณ์แบบสำหรับนวัตกรรม” นายลีโอกล่าว พร้อมทั้งวางแผนที่จะขยายสาขาในทำเลที่มีความพลุกพล่าน และปรับปรุงร้านที่มีอยู่ เช่น การปรับปรุงสาขา ไอคอน สยาม (Icon Siam) ที่กำลังจะจัดงานเปิดร้านอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง (re-opening) ในวันที่ 9 มกราคม 2568 ที่จะถึงนี้
นวัตกรรมมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ของ Toys“R”Us Asia นายลีโอ ได้กล่าวถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการช่วยปรับปรุงรูปแบบร้าน, สร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้แก่ลูกค้า และช่วยวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายพอร์ตสินค้าของบริษัทและทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น
หนึ่งในความคิดริเริ่มที่น่าสนใจคือการนำเอาองค์ประกอบทางวัฒนธรรมไทยมาใช้ในการออกแบบสินค้าและร้านค้า บริษัทมีแผนที่จะร่วมมือกับนักออกแบบและศิลปินชาวไทย เพื่อสร้างคอลเลกชันพิเศษที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคไทย ซึ่งจะช่วยเสริมประสบการณ์การช้อปปิ้งและเชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่นได้มากขึ้น
สำหรับในปีหน้า(2568) นายลีโอ มีความมั่นใจว่า บริษัทฯ จะสามารถเติบโตได้ โดยจะอยู่ในอัตราระดับเลขหลักเดียว (single-digit growth) อันเป็นผลมาจากการมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน โดยในอนาคต มีแผนเพิ่มสัดส่วนของตลาด คิดดัลท์ (Kidult) จาก 1/8 เป็น 1/3 พร้อมกับการรักษาการเติบโตในหมวดหมู่ของเล่นดั้งเดิม ผ่านแผนกลยุทธ์หลักๆ อันประกอบไปด้วย: การเปิดร้านใหม่ในทำเลกลยุทธ์, การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่สนุกสนานและไร้รอยต่อ และการเปิดตัวสินค้าพิเศษเพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้า
สำหรับสาขาวันแบงคอกนี้ มีจุดไฮไลท์ เช่น
• การออกแบบ “Portal to City Play”: ดีไซน์ทันสมัย เน้นความเรียบง่าย พร้อมสีสันที่กลมกลืนกับชีวิตในเมือง เหมาะสำหรับครอบครัวและกลุ่มคนทำงาน
• ความร่วมมือสุดเอ็กคลูซีฟกับแบรนด์ระดับโลก: สินค้าแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย อาทิ เลโก้ (LEGO), บาร์บี้ (Barbie), และ ฮอต วีลส์ (Hot Wheels) พร้อมกับสินค้าสะสมและแบรนด์ IP ที่กำลังเป็นกระแส
• สินค้าสุดเอ็กคลูซีฟเพื่อกลุ่ม Kidult: อาทิ ของสะสมจาก คิลเลอร์บอดี้ (Killerbody) มาเวล (Marvel) และ ทรานสฟอร์เมอร์ (Transformers) ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะที่ Toys“R”Us พร้อมด้วย ไบลด์ บ็อกซ์ ไอพี (Blind Box IP) และโมเดลกันดั้ม
• ของเล่นสำหรับเด็ก: ไม่ว่าจะเป็น เรนโบว์คอร์น (Rainbocorns) เซอร์ไพรส์ไข่ยักษ์ ซึ่งเปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เหมาะสำหรับเป็นของขวัญช่วงคริสต์มาส
• พื้นที่เล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟ: พื้นที่สำหรับครอบครัวได้เล่นและสร้างความทรงจำร่วมกัน
สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น: โซนพิเศษที่รวบรวมสินค้าที่มีแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมไทย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น.