บอร์ดรฟท.อนุมัติ จัดซื้อรถโดยสาร 182 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงิน 1.05 หมื่นล้านบาท ทดแทนรถโดยสารเก่าอายุ 50 ปี ยกระดับบริการปรับอากาศ ปลดระวางรถพัดลม โดยใช้เงินกู้ คาด ชงครม.มี.ค. 68 ประมูลต้นปี 69 รับรถชุดแรก พ.ค. 71
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการรถไฟฯ (บอร์ดรฟท.) ครั้งที่ 16 /2567 ที่มีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษและรถด่วนจำนวน 182 คันพร้อมอะไหล่ วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 10,502.1 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะสรุป นำเสนอกระทรวงคมนาคม ภายในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาและนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามลำดับ
สำหรับการจัดหาขบวนรถโดยสารดังกล่าว เพื่อจะนำมาใช้ทดแทนรถรุ่นเก่าอายุ 50 ปี ซึ่งปัจจุบันให้บริการอยู่ขบวนรถไฟทางไกล มีชั้นให้บริการชั้น 1 ปรับอากาศ ชั้น 2 ปรับอากาศ และชั้น 3 พัดลม โดยรถขบวนใหม่จะเป็นรถปรับอากาศทั้งหมดให้บริการชั้น 1-3 รูปแบบคล้ายขบวนรถ 115 คันที่ใช้งานมา 6 ปี ซึ่งมีการตอบรับที่ดีมาก ถือเป็นการจัดหาเพื่อรองรับความต้องการที่มีจำนวนมาก แต่ รฟท. มีขบวนรถให้บริการไม่เพียงพอ
โดยจะเป็นรถโดยสารจำนวน 14 ขบวน ประกอบด้วยรถด่วนให้บริการ 12 ขบวน ขบวนสำรองอีก 2 ขบวน ขบวนละ 12 คัน (11 ตู้โดยสารและ 1 ตู้จ่ายไฟฟ้า) เบื้องต้น รถโดยสารใหม่ 1 ขบวน จำนวน 12 คัน มีทั้งหมด 444 ที่นั่ง ประกอบด้วย ชั้น 1 ปรับอากาศ จำนวน 3 คัน รวม 72 ที่นั่ง, ชั้น 2 ปรับอากาศ จำนวน 6 คัน รวม 236 ที่นั่ง และชั้น 3 ปรับอากาศ จำนวน 2 คัน รวม 36 ที่นั่ง สำหรับทั้ง 12 ขบวนวางเป้าหมายจะให้บริการใน 6 เส้นทาง ดังนี้
1.เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ขบวนที่ 13-14 จำนวน 2 ชุด รวม 26 คัน
2.เส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ ขบวนที่ 51-52 จำนวน 2 ชุด รวม 26 คัน
3.เส้นทางกรุงเทพฯ - อุบลราชธานี - กรุงเทพฯ ขบวนที่ 67-68 จำนวน 2 ชุด 26 คัน
4.เส้นทางกรุงเทพฯ - สุไหงโกลก - กรุงเทพฯ ขบวนที่ 37-38 จำนวน 2 ชุด 26 คัน
5.เส้นทางกรุงเทพฯ - กันตัง - กรุงเทพฯ ขบวนที่ 83-84 จำนวน 2 ชุด 26 คัน
6.เส้นทางกรุงเทพฯ - นครศรีธรรมราช - กรุงเทพฯ ขบวนที่ 85-86 จำนวน 2 ชุด 26 คัน
สำหรับไทม์ไลน์การรับมอบขบวนรถทั้งหมด จะเสนอครม.ต้นเดือน มี.ค. 2568 เปิดประมูลเดือน ก.พ. 2569 จะสามารถรับมอบขบวนรถ 2 ชุดแรกในเดือน พ.ค. 2571 อีก 4 ชุดในเดือน ก.ย. 2571 อีก 4 ชุดในเดือน ม.ค. 2572 และล็อตสุดท้ายในเดือน พ.ค. 2572 อีก 4 ชุด
ปัจจุบัน รถโดยสารที่ใช้งานอยู่ส่วนใหญ่จะมีอายุมากกว่า 50 ปี มีจำนวนถึง 727 คัน คิดเป็นร้อยละ 57 ทำให้ความพร้อมใช้งานของรถลดลง มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเพิ่มมากขึ้น อะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมบำรุงหายากขึ้น และเมื่อซ่อมบำรุงแล้วอาจไม่คุ้มค่า และไม่ตรงความต้องการของผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น จึงมีแผนตัดบัญชีรถโดยสารที่มีอายุการใช้มากกว่า 50 ปี และรถที่ไม่สามารถซ่อมบำรุงกลับมาใช้งานได้ แต่การตัดบัญชีรถโดยสารทำให้ขบวนรถที่พร้อมใช้งานมีจำนวนลดลง ส่งผลต่อการพ่วงขบวนรถในอนาคต ดังนั้น จึงจำเป็นต้องจัดหารถโดยสารมาทดแทน
การรถไฟฯ จึงมีแผนโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษ และรถด่วน จำนวน 182 คัน พร้อมอะไหล่ เพื่อปรับปรุงคุณภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสารทุกกลุ่ม ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย และเพิ่มบทบาทการให้บริการขนส่งผู้โดยสาร ตลอดจนการใช้ประโยชน์ของโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ปัจจุบัน รถโดยสารที่ใช้งานอยู่ส่วนใหญ่จะมีอายุมากกว่า 50 ปี มีจำนวนถึง 727 คัน คิดเป็นร้อยละ 57 ทำให้ความพร้อมใช้งานของรถลดลง มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเพิ่มมากขึ้น อะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมบำรุงหายากขึ้น และเมื่อซ่อมบำรุงแล้วอาจไม่คุ้มค่า และไม่ตรงความต้องการของผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น จึงมีแผนตัดบัญชีรถโดยสารที่มีอายุการใช้มากกว่า 50 ปี และรถที่ไม่สามารถซ่อมบำรุงกลับมาใช้งานได้ แต่การตัดบัญชีรถโดยสารทำให้ขบวนรถที่พร้อมใช้งานมีจำนวนลดลง ส่งผลต่อการพ่วงขบวนรถในอนาคต ดังนั้น จึงจำเป็นต้องจัดหารถโดยสารมาทดแทน
การรถไฟฯ จึงมีแผนโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษ และรถด่วน จำนวน 182 คัน พร้อมอะไหล่ เพื่อปรับปรุงคุณภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสารทุกกลุ่ม ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย และเพิ่มบทบาทการให้บริการขนส่งผู้โดยสาร ตลอดจนการใช้ประโยชน์ของโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด