xs
xsm
sm
md
lg

‘ไทยออยล์’ เดินหน้าฝ่าความท้าทาย ชูโครงการ CFP สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศในระยะยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • โครงการเผชิญอุปสรรค แต่คาดมีความชัดเจนต้นปี 2568
  • • ไทยออยล์ยืนยันดำเนินธุรกิจโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล
  • • โครงการ CFP เน้นศักยภาพและเทคโนโลยี


ไทยออยล์ เร่งเครื่องเดินหน้าโครงการพลังงานสะอาด หรือ Clean Fuel Project (CFP) ให้เสร็จเร็วที่สุด แม้จะมีอุปสรรคท้าทาย คาดต้นปี 68 มีความชัดเจน ยืนยันดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและตามหลักบรรษัทภิบาล พร้อมชูศักยภาพโครงการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันให้ไทยออยล์ได้สูงถึง 400,000 บาร์เรลต่อวัน สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศในระยะยาว

ที่ผ่านมาโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 และปัญหาการเรียกร้องค่าตอบแทนค้างจ่ายของผู้รับเหมาช่วงจากกลุ่มผู้รับเหมาหลัก (UJV– Samsung, Petrofac และ Saipem)


อย่างไรก็ตาม บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยออยล์ ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการดังกล่าว ยืนยันว่า ถึงแม้อุปสรรคต่าง ๆ จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการ CFP แต่ก็ไม่ได้ทำให้โครงการ CFP จะต้องเลื่อนเปิดดำเนินการออกไปอย่างไม่มีกำหนดแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าช่วงต้นปี 2568 บริษัทฯ จะมีแผนงานที่ชัดเจน


ทั้งนี้ ไทยออยล์ได้ตัดสินใจลงทุนก่อสร้างโครงการ CFP ตั้งแต่เมื่อปี 2561 โดยถือเป็นหนึ่งในโครงการภาคเอกชนที่ใช้เงินลงทุนสูงที่สุดโครงการหนึ่งในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC อีกทั้งมีการเลือกใช้เทคโนโลยีการกลั่นขั้นสูงที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หนึ่งในกลยุทธ์ของไทยออยล์ในปี 2568 คือ การเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจโรงกลั่น (Strengthen Refinery Business) โดยเน้นเร่งเดินหน้าโครงการพลังงานสะอาด (CFP) และการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตและยกระดับความสามารถในการแข่งขัน


เมื่อโครงการ CFP เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เสร็จแล้ว ไทยออยล์จะสามารถผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานได้มากยิ่งขึ้นซึ่งจะสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศในระยะยาว เพื่อทดแทนการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันอากาศยาน ซึ่งจะมีความต้องการที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น




ขณะนี้ โครงการ CFP กำลังอยู่ในช่วงของการก่อสร้างระยะสุดท้าย และเมื่อเสร็จสมบูรณ์ จะเป็นโรงกลั่นขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพิ่มขีดความสามารถให้ไทยออยล์มีกำลังผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นจาก 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน อีกทั้งสามารถรองรับการกลั่นน้ำมันดิบจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลกได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่ตลาดต้องการ และมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไทยออยล์ได้ทดลองเดินเครื่องจักรหน่วยกำจัดกำมะถันในน้ำมันดีเซล (HDS-4) ของโครงการ CFP ซึ่งได้เริ่มทำการผลิตน้ำมันดีเซลมาตรฐาน EURO 5 และจัดจำหน่ายตั้งแต่ต้นปี – พฤศจิกายน 2567 ไปแล้วกว่า 6,500 ล้านลิตร ทั้งในและต่างประเทศ

การเร่งบริหารจัดการโครงการ CFP จึงเป็นเป้าหมายหลักและเร่งด่วน ที่ไทยออยล์มุ่งมั่นดำเนินการ ตลอดจนการเตรียมแนวทางและมาตรการที่เหมาะสมอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อผลักดันเดินหน้าก่อสร้างโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จ




นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า ไทยออยล์ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีบรรษัทภิบาล และจะดำเนินธุรกิจอย่างเต็มความสามารถเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงจะดำเนินการก่อสร้างโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นบันไดสำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจขององค์กร ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โครงการ CFP ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศอย่างยั่งยืนอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น