- • บริษัทจะลงทุน 2 พันล้านบาทในปีหน้า
- • มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 200 สาขาในปีหน้า
- • จะขยายสาขาครบทุกจังหวัดในประเทศไทย โดยจะรุกอีก 3 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน ยะลา และพังงา
ผู้จัดการรายวัน360 – “มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.” จากมาเลเซียย้ำ ไทยยังเป็นตลาดหลัก เติบโตเร็ว และมั่นคง เดินหน้ารุก ทุ่ม 2 พันล้านบาท ปีหน้าผุดอีก 200 สาขา พร้อมรุกครบทั่วไทยอีก 3 จังหวัดที่เหลือคือ แม่ฮ่องสอน ยะลา พังงา
นายแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ จากประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า บริษัทแม่ของมิสเตอร์ดีไอวาย มองประเทศไทยยังคงเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เนื่องจากไทยยังมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจได้อีกมากเพราะเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างดีและรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เหมือนเมื่อแรกเริ่มที่ขยายธุรกิจเข้ามาในไทยปี2559เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมาด้วยการเปิดสาขาแรกที่ซีคอนบางแค และไทยยังเป็นประเทศแรกที่มาเลเซียมั่นใจในการขยายออกนอกประเทศครั้งแรกด้วย
ปัจจุบันมิสเตอร์ดีไอวายมีแล้วใน 13 ประเทศคือ มาเลเซีย, ไทย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์,อินเดีย,บังกลาเทศ, สเปน, ตุรกี, บรูไน, โปแลนด์ รวมมากกว่า 4,000 สาขา ซึ่งไทยมีจำนวนสาขาเทียบเป็นสัดส่วน20% ของสาขาทั้งหมดทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้กังวลเรื่องกำลังซื้อหรือภาวะเศรษฐกิจในไทยมากนัก เนื่องจากเป็นแค่ช่วงระยะเวลา แต่บริษัทมองในระยะยาวตลาดไทยยังมีความมั่นคงอย่างมาก มีกำลังซื้อที่ดี อีกทั้งสินค้าที่จำหน่ายก็เป็นสินค้าที่จำเป็นในครัวเรือนอยู่แล้ว เป็นสินค้าที่ซื้อง่ายเป็นสินค้าดีไอวาย (Do it yourself) และราคาต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่นประมาณ 25%
“เรายังสามารถเปิดร้านได้อีกมากในไทย เมื่อดูจากจำนวนร้านที่เรามีอยู่ตอนนี้ 900 สาขาที่เปิดมาแล้ว 8 ปี และปีหน้าจะเป็น 1,100 สาขา เฉลี่ยแล้วร้านของเรารองรับประชากรไทยได้ประมาณ 70,000 คนต่อสาขา จากจำนวนประชากรทั้งประเทศกว่า 70 ล้านคน ขณะที่่มาเลเซียต้นตำรับมีสาขา 1,400 สาขา แต่มีประชากรน้อยกว่าเรามีประมาณ 30-40 ล้านตคนเท่านั้นเอง” นายแอนดี้ กล่าว
ทั้งนี้บริษัทวางแผนการลงทุนปีหน้า(2568) ใช้งบลงทุนรวม2,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่ประมาณ 200 สาขา ซึ่งขณะนี้มี 900 สาขาแล้ว และคาดว่าภายในช่วงก่อนสิ้นปีนี้จะเปิดอีกประมาณ 20-25 สาขา และคาดว่าสิ้นปีหน้าจะมีสาขาในไทยรวม 1,100 สาขา โดยปีนี้เปิดสาขาใหม่รวม 163 สาขา ส่วนปีที่แล้วเปิดใหม่รวม 188 สาขา
โดยปีหน้าคาดว่าจะเปิดสาขาครบทั่วประเทศไทย ซึ่งยังมีอีก 3 จังหวัดที่ยังไม่มีในขณะนี้ แต่เตรียมเปิดในไตรมาสแรกปีหน้า คือ แม้ฮ่องสอน 2 สาขา, พังงา 1 สาขา และยะลา 1 สาขา นอกจากนั้นจะเน้นขยายทั้งในศูนย์การค้า และสแตนด์อโลน ใช้พื้นที่โดยเฉลี่ย 700 ตารางเมตรต่อสาขา
ล่าสุดบริษัทเปิดตัวสาขาซีคอนสแควร์ในรูปโฉมใหม่ ซึ่งเป็นสาขาที่สองที่เปิดในประเทศไทย แต่ได้ปรับใหม่ให้เป็นแฟลกชิปสโตร์สาขาที่สองต่อจากสาขาแฟลกชิปสโตร์สาขาแรกที่เดอะมอลล์บางกะปิ พื้นที่ 1,285 ตารางเมตร ที่เปิดไปเมื่อปีที่แล้ว แต่สาขาที่ซีคอนสแควร์นี้มีพื้นที่ประมาณ 1,280 ตารางเมตร มีสินค้ามากกว่า 15,000 เอสเคยู
สำหรับที่ผ่านมาการใช้จ่ายของลูกค้า มีประมาณ160 บาท หรือประมาณ 4 ชิ้น ต่อใบเสร็จ โดยกลุ่มสินค้าที่จำหน่ายมีสัดส่วนดังนี้ ของใช้ในครัวเรือนทั่วไป 36%, เครื่องมือซ่อมแซมบ้าน 17%, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า 9%, เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา 9%, ของเล่น 6% , อื่นๆเช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จิวเวลรี่ อุปกรณ์รถยนต์ อาหาร เครื่องดื่มรวมกัน 23% โดยช่วงครึ่งปีแรกปีนี้มีรายได้แล้วประมาณ 7,500 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งในตลาดรวมกว่า 35%