xs
xsm
sm
md
lg

“มนพร”เร่งกทท.ศึกษาโมเดลธุรกิจพัฒนา’ท่าเรือคลองเตย’ นำร่อง 700 ไร่ ผุดCruise Terminal- Mixed Use”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“มนพร”ถกคณะอนุกก.พิจารณาแนวทางใช้ประโยชน์พื้นที่”ท่าเรือคลองเตย”ดึงพื้นที่หน้าท่าติดแม่น้ำ 700-800ไร่ ไม่ติดสัญญาและชุมชน พัฒนานำร่อง เร่ง กทท.จ้างที่ปรึกษาศึกษาโมเดลธุรกิจใน 6 เดือน เล็งผุด Cruise Terminal, Mixed Use ช้อปปิ้งมอลล์ สนามกีฬา โรงแรม พร้อมเพิ่มตัวแทนสหภาพฯกทท.ร่วมคณะอนุฯ เปิดกว้างฟังความเห็น

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ให้เกิดประโยชน์สูงสุดว่า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2567 คณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) และจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ ที่มีตนเป็นประธาน ได้มีการประชุม เพื่อพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณท่าเรือกรุงเทพให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งตามแผนการศึกษาเดิมของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จะมีการพัฒนาโครงการ Smart Port และโครงการ Smart Community พัฒนาที่อยู่อาศัยจากแนวราบเป็นแนวสูง ให้ชุมชน ในพื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ และมีการใช้ประโยชน์พื้นที่หน้าท่า พัฒนาเป็นท่าเรือท่องเที่ยว Cruise Terminal เพื่อส่งเสริมและเชื่อมโยงกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว และนำพื้นที่ส่วนที่เหลือไปพัฒนาเชิงพาณิชย์มากขึ้น

โดยที่ประชุมได้พิจารณาพื้นที่นำร่องที่สามารถพัฒนาหน้าท่าได้ประมาณ 800 ไร่ ซึ่งแบ่งเป็น เฟสแรก ในกลุ่มพื้นที่ C1 ประมาณ 500ไร่ และ C2 ประมาณ 217 ไร่ พื้นที่ดังกล่าวปัจจุบันเป็นพื้นที่ของการท่าเรือฯ ไม่มีสัญญาเช่าหรือสัญญาสัมปทานผูกพันกับหน่วยงาน หรือเอกชนรายใด และไม่มีผลกระทบต่อประชาชน ส่วนใหญ่เป็นลานและอาคารเก่า เป็นที่ตู้สินค้าเก่าทิ้งไว้ เช่น ตู้สินค้าที่ตกค้างจากศุลกากร เป็นต้น


โดยมีมติมอบหมายให้กทท. ดำนินการศึกษา Business Model การพัฒนาพื้นที่หน้าท่าดังกล่าว ภายในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการ (บอร์ด) กทท.ได้อนุมัติวงเงิน 20 ล้านบาทในการจัดจ้างที่ปรึกษาแล้ว คาดว่าจะได้ตัวที่ปรึกษาและเริ่มงานได้ในเดือนม.ค. 2568

“พื้นที่ดังกล่าวไม่มีพันธสัญญา ไม่ทับซ้อนกับหน่วยงานใด และไม่มีปัญหาเรื่องประชาชน เป็นโซนติดริมแม่น้ำ ถือเป็นพื้นที่มีศักยภาพที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นได้ทั้ง ท่าเรือท่องเที่ยว Cruise Terminal โครงการ Mixed-Use Building Complex ศูนย์การค้า หรือ ช้อปปิ้งมอลล์ รวมไปถึงสนามกีฬา โรงแรม รวมถึงพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งหลักการพัฒนากิจกรรมควรมีความเชื่อมโยงและสนับสนุนซึ่งกันและกัน”

@ เพิ่มตัวแทนสร.กทท.ร่วมคณะอนุกรรมการ ร่วมให้ความเห็น

นอกจากนี้ ได้เห็นชอบให้เพิ่มตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการท่าเรือฯ (สร.กทท.) เข้าร่วมอยู่ในคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าเรือกรุงเทพและจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ ,รวมถึงคณะอนุกรรมการอีก 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการพิจารณาพัฒนาศักยภาพพื้นที่บริเวณชุมชนคลองเตย ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ในปัจจุบัน และคณะอนุกรรมการด้านการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในท่าเรือกรุงเทพและการประชาสัมพันธ์

ทั้งนี้เนื่องจาก ทางสร.กทท.ได้เข้าพบตนและแสดงความชัดเจนที่จะร่วมรับฟังการชี้แจงและไม่คัดค้านเรื่องการย้ายท่าเรือ แต่เห็ฯว่าต้องมีความชัดเจนว่าจะย้ายไปไหน และหากมีการย้าย จะมีการเพิ่มศักยภาพการท่าเรือฯอย่างไร หากการศึกษาเป็นประโยชน์ต่อประเทศ องค์กรและสังคมส่วนรวม รัฐบาลควรทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนก่อน ซึ่งการให้ตัวแทน สร.กทท.จำนวน 1 คนเข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการฯ เนื่องจากจะเป็นตัวแทนพนักงาน ซึ่งถือเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด และเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งทางตรงและทางอ้อมในเรื่องการเรื่องดังกล่าว เข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็น


นายมนพรกล่าวว่า พื้นที่ท่าเรือกรุงเทพมีจำนวน 2,353.2 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ในเขตรั้วศุลกากร 943ไร่ นอกเขตรั้วศุลกากร 1,410 ไร่ ในส่วนของการพัฒนาส่วนอื่นๆ อาจจะต้องใช้เวลาเนื่องจากมีสัญญาสัมปทาน และเป็นชุมชนที่อยู่อาศัย ดังนั้นจะต้องมีแนวทางในการเยียวยาชุมชนที่เหมาะสมก่อน ซึ่งยอมรับว่า การย้ายท่าเรือออกจากพื้นที่ ในความเป็นจริงเป็นไปไมได้ เพราะจะต้องดูผลกระทบให้รอบด้าน ซึ่งหลักการคือต้องการพัฒนาและใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าเรือกรุงเทพให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องมีการนำเทคโนโลยี Digital มาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) เพื่อให้เป็น Smart Port & Green Port

“รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในเรื่องนี้ ดังนั้นเราต้องกล้าเปลี่ยนแปลง เพราะการพัฒนาจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับองค์กร ประชาชนและประเทศ มีแต่ได้กับได้ การนำร่องในพื้นที่หน้าท่าประมาณ 700 กว่าไร่ จะทำให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนจะประชุมติดตามความคืบหน้าทุกเดือน รวมถึงจะหารือเพื่อเร่งรัดโครงการสร้างทางยกระดับเชื่อมต่อทางด่วนพิเศษ S1 เข้าสู่ท่าเรือด้วยเพื่อแก้ปัญหาการจราจร ท่าเรือกรุงเทพโดยตรง”


กำลังโหลดความคิดเห็น