- • คาดว่าจะออก NTP (หนังสือแจ้งการเริ่มงาน) ในเมษายน 2568
- • มีการเวนคืนที่ดิน 184 ไร่ งบประมาณ 369 ล้านบาท
- • นายวีริศ อัมระนันทน์ เสนอโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง วงเงิน 2.85 แสนล้านบาท
- • วางแผนประมูลเส้นทาง ปากน้ำโพ-เด่นชัย และ จิระ-อุบลราชธานี ในปี 2568
รฟท.ลงนามกิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย วงเงิน 2.86 หมื่นล้านบาท คาดออก NTP เม.ย. 68 สร้าง 36 เดือน เวนคืน 184 ไร่งบ 369 ล้านตั้งงบปี 68-69 ด้าน“วีริศ”ชงอีก 6 เส้นทาง2.85 แสนล้านเข้าครม. ลุยประมูล2 เส้นทางแรก ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย และชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี กลางปี 68
วันนี้ (12 ธันวาคม 2567) นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย กับ กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง (ประกอบด้วย บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนจิเนียริ่ง (1964) จำกัด บริษัท ทิพากร จำกัด และ บริษัท เค เอส ร่วมค้า จำกัด ) ระยะทาง 167 กม. วงเงินสัญญา 28,679,000,000 บาท (สองหมื่นแปดพันหกร้อยเจ็ดสิบเก้าล้านบาท) และร่วมลงนามในข้อตกลงคุณธรรม 3 ฝ่ายระหว่าง รฟท. กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง และผู้สังเกตการณ์ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
นายวีริศ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากลงนามสัญญาแล้ว รฟท.ยังต้องรอเรื่องเงินกู้จากกระทรวงการคลังซึ่งคาดว่าจะสามารถเบิกเงินล่วงหน้าก่อนทำงาน (Advance) งวดแรกตามสัญญาสัดส่วน 10% ได้ประมาณเดือนก.พ.-มี.ค.2568 และคาดว่าจะออกหนังสือแจ้งให้เอกชนเริ่มงาน (Notice to Proceed: NTP) ได้ในเดือนเม.ย.2568 คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2571
โดยโครงการนี้ พื้นที่ก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นของรฟท.ประมาณ 90 % โดยจะมีการเวนคืนบ้างประมาณ 10% ในส่วนที่เป็นทางผ่าน ที่จะก่อสร้างเป็นสะพานยกระดับ ( Overpass ) และพื้นที่สำหรับเพิ่มรัศมีโค้งให้กว้างขึ้น ตามหลักการความปลอดภัย โดยมีพื้นที่เวนคืน 184 ไร่ ค่าเวนคืน 369 ล้านบาท โดยงบผูกพัน 2 ปี คือ ปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 215 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 153 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของการเวนคืนนั้น ได้เสนอไปที่คณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อรอครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดเขต ที่ดิน ในบริเวณที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการฯ และรอประกาศในราชกิจจาฯ จากนั้นจึงจะเข้าสำรวจพื้นที่เวนคืนได้ต่อไป
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย เป็น 1 ใน 7 เส้นทาง โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 จะเป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกับทางรถไฟเดิม และก่อสร้างปรับแนวเส้นทางใหม่บางส่วน ประกอบด้วย อาคารสถานี 14 สถานี ที่หยุดรถ 4 แห่ง ลานบรรทุกสินค้า 3 แห่ง พร้อมทั้งงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมตลอดทั้งสายทาง ถือเป็นการต่อยอดเส้นทางชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น เพื่อเชื่อมโยงกับการบริการขนส่งและโลจิสติกส์กับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งในระดับภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มความตรงต่อเวลาและความรวดเร็วในการเดินทางด้วยรถไฟ ในรัศมี 500 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ที่ใช้เวลาน้อยลง 1 เท่าตัว เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการขนส่งทางรางระหว่างภูมิภาค รองรับการเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย - ลาว – จีน
@คาดทางคู่เฟส 2 อีก 6 เส้นทาง ประมูลปี 68 เติมโครงข่ายสมบูรณ์
ส่วนความคืบหน้า การพัฒนาโครงการรถไฟรางคู่ ระยะที่ 2 อีก 6 เส้นทางที่เหลือ ระยะทางรวม 1,321 กม. มูลค่ารวม 285,446.97 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอครม.ได้ในเดือนม.ค. 2568 และคาดว่าจะเปิดประมูลได้ช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. 2568 โดยคาดว่า 2 โครงการแรกที่จะเปิดประมูลได้คือ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 280.5 กม. วงเงิน 62,859.74 ล้านบาท และ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 37,527.10 ล้านบาท หลังจากนั้น จะทยอยประมูลเส้นทางสายใต้อีก 3 โครงการคือ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 24,29.36 ล้านบาท ,ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 57,375.43 ล้านบาท และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 6,661.37 ล้านบาท และเส้นทางที่จะประมูลหลังสุดคือ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 56,837.78 ล้านบาท
“การรถไฟฯ เร่งก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ทั้งโครงข่ายรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ทางคู่ระยะเร่งด่วน ทางคู่สายใหม่ ตลอดจนโครงการรถไฟความเร็วสูงให้แล้วเสร็จตามแผนงาน เพื่อให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อยกระดับประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรางในภูมิภาคอาเซียนต่อไป” ผู้ว่าการรถไฟฯ กล่าว
@”กลุ่ม ช.ทวี-เอเอส”พร้อมเข้าพื้นที่ กังวลเวนคืนและช่วงทับซ้อน”ไฮสปีด”ไทย-จีนเฟส 2
ด้านนายปิยะ สุนทราณู ผู้จัดการโครงการฯ กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง กล่าวว่า ขณะนี้ทางกลุ่มกิจการร่วมค้าฯ มีความพร้อมในเข้าพื้นที่ก่อสร้างที่รฟท.ส่งมอบพร้อมกันทั้ง 3 จังหวัด ขอนแก่น อุดรธานีและหนองคาย ซึ่งได้มีการหารือกับทีมงานและรฟท.เพื่อเตรียมแผนงาน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นการก่อสร้างทางรถไฟอีกเส้นควบคู่ไปกับทางรถไฟปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ต้องมีการบริหารจัดการเพื่อไม่ให้ผลกระทบต่อการเดินรถ ดะงนั้นการก่อสร้างจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก นอกจากนี้พื้นที่อีก 10% ที่ยังรอการเวนคืน ทางกลุ่มฯอยากให้รฟท.เร่งดำเนินการเพื่อส่งมอบพื้นที่ให้ก่อสร้างได้เร็วที่สุด
ที่สำคัญ เส้นทางรถไฟทางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย ทางรฟท.มีโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย ดังนั้นต้องมีการประสานแบบก่อสร้างเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้กระทบต่อการก่อสร้างโครงการ ซึ่งระยะเวลาก่อสร้าง 36 เดือน เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนงาน