- • ปี 2568 OR จะเน้นการลงทุน
- • OR ได้ถอนการลงทุนจากธุรกิจที่ขาดทุนไปแล้ว 5-6 บริษัท
- • EBITDA Margin ของธุรกิจ Lifestyle ของ OR เพิ่มขึ้นจาก 27% เป็น 30%
“ดิษทัต” CEO OR เปิดใจก่อนอำลาตำแหน่งในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ ระบุปี68เป็นปีแห่งการลงทุนของ OR หลังจากได้ถอนการลงทุนบางธุรกิจที่ขาดทุนไปแล้ว 5-6 บริษัท หนุนEBITDA Margin ธุรกิจLifestyle โตขึ้นจาก27%เป็น30%
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่าในปี2568จะเป็นปีแห่งการลงทุนของของOR จะเห็นการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ในธุรกิจ Lifestyle ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาดีลซื้อกิจการ (M&A) อยู่ 2-3 ราย คงต้องฝากให้ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ CEO ORคนใหม่เป็นผู้สานต่อในเรื่องนี้ ซึ่งปีนี้ ตนได้ถอนการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีกำไรออกไปแล้ว 5-6 ธุรกิจ ช่วยหนุนให้ EBITDA Margin ของธุรกิจLifestyle ในปีหน้าปรับเพิ่มขึ้นจาก 27% เป็น 30% และในอนาคตจะเพิ่มเป็น 50% เพื่อหนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่ม OR
อย่างไรก็ดี ตนอยากเห็น OR เป็นFlagship ของกลุ่ม ปตท. โดยจะทำอย่างไรให้แต่ละธุรกิจโตได้อย่างยั่งยืน โดยวางกลยุทธ์เป็นช่วง 5 ปีข้างหน้า รวมถึงอยากเห็น OR เติบโตอย่างยั่งยืน
“ที่ผ่านมา ธุรกิจLifestyle เป็น Portfolio ที่ถูกCut lossมากที่สุด ธุรกิจไหนที่ไม่ทำกำไรก็ต้องตัดออกหรือถอนตัวออกมา ซึ่งได้มีการยกเลิกการทำธุรกิจไปแล้ว 5-6 ตัว อาทิ ร้าน Texas Chicken ที่เลิกกิจการไปแล้ว , บริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ผผู้ดำเนินการร้านอาหารญี่ปุ่นKouen ,ร้านคาเฟ่ อเมซอนที่จีนในนามOR China , บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส (Flash Express) ก็ขายหุ้นออกไปมีกำไร ,Fixx และลงทุนแมน ส่วนธุรกิจ ORBIT Digital ขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวน Business Modelอยู่ เพื่อสร้างมีมูลค่าแล้วนำเข้าตลาดหุ้น”
นอกจากนี้ ในส่วนของเปิดร้าน found&found แบรนด์เฮลท์แอนด์บิวตี้รีเทลรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพและความงาม เชื่อมั่นว่า จะเป็นธุรกิจที่สร้างการเติบโตให้กับ OR ในอนาคต โดยวางแผนขยายเป็น 10 สาขาในปี 2568 และในช่วงไตรมาส1 ปีหน้า คาดว่าจะเห็นภาพการเติบโตได้ ผ่านการลงทุนร่วมกับพันธมิตรรายใหม่ ที่จะเกิดผลลัพธ์การลงทุนได้ชัดเจน
ส่วนการลงทุนในธุรกิจ Global แม้ว่าจะสร้างกำไรได้ปีละประมาณ 600-700 ล้านบาท แต่เชื่อมั่นว่าในอนาคตจะสามารถสร้างการเติบโตได้สูงกว่า ดังนั้น ในปีหน้า คาดว่า จะเห็นการขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้ง Marine Terminal และสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ถนนหุนเซนบูเลอวาร์ด กัมพูชา ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของOR นอกจากนี้ยังขยายโอกาสทางธุรกิจสู่เวียดนาม ผ่านการสร้างฐานธุรกิจ LPG แห่งใหม่
ด้านธุรกิจ Mobility ได้สร้างการเติบโตผ่านการเป็น Thailand Mobility Partner ที่ขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด ซึ่งการลงททุนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา OR เข้าไปสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรอบรับการเติบโต แต่เชื่อว่า ภายในไม่เกิน 2 ปีจากนี้ จะเห็นผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มทุนได้ หรืออย่างเร็วในปีหน้า
สำหรับงบลงทุนของ OR ในปี 2568 นั้น ยังต้องรอนำเสนอที่ประชุมบอร์ดOR ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะเห็นภาพแผนการลงทุนระยะ 5 ปีของ OR ที่ชัดเจนขึ้น
“อยากให้พนักงานORรักองค์กรเยอะๆ คนOR ต้องเข้มแข็ง เพราะเราเป็นแหล่งผลประโยชน์ เราต้องเป็นคนดีของประเทศ เราต้องไม่โกง ไม่คอร์รัปชั่น และมีLeadership ซึ่ง 2ปีที่ผ่านมา ORมีการเปลี่ยนแปลงมาก ผมวางรากฐานพร้อมส่งไม่ต่อให้ซีอีโอคนใหม่ จะเอานโยบายทั้งหมดไปใช้หรือบางนโยบายก็ได้”
นายดิษทัต จะเกษียณอายุครบ60ปีในวันที่11 ธันวาคมนี้ โดยเส้นทางการทำงานเริ่มต้นในสายงานเทรดดิ้ง ปตท. สู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำ OR โดยได้วางรากฐานสำคัญขององค์กรผ่านแนวคิด RISE OR ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ (R - Result-oriented) การตัดสินใจอย่างชาญฉลาด (I - Intelligence) การร่วมกันทำร่วมกันเติบโต (S - Synergy) และการสร้าง Mindset แห่งความเป็นเจ้าของธุรกิจ (E - Entrepreneurship) พร้อมผลักดันการเปลี่ยนแปลงในการทำงานขององค์กร โดยส่งเสริมให้บุคลากรก้าวออกจาก Comfort Zone ที่จำกัดอยู่ในพื้นที่ความถนัดเดิม สู่ Growth Zone โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิด Digital Transformation ด้วยการเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บูรณาการการจัดการระหว่างธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกด้วยระบบ SAP S/4HANA ใน 2 อุตสาหกรรม พร้อมพัฒนาระบบติดตามและควบคุมการดำเนินงานแบบศูนย์รวม (Dashboard Control Tower) ที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่อุปทานและเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ รวมถึงต่อยอดสู่การพัฒนาสู่ธุรกิจใหม่ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากข้อมูลทางธุรกิจ โดยร่วมมือกับพันธมิตร