xs
xsm
sm
md
lg

‘ฮังกรี้ ฮับ’ ลุยศึก OTA ตลาดตปท. ดึง 2.7 พันร้านอาหารเข้าระบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เจาะตลาดนักชิมและนักท่องเที่ยว
  • • ตั้งเป้าปี 2568 มีร้านอาหารในแพลตฟอร์ม 2,700 ร้านในสิงคโปร์


ผู้จัดการรายวัน 360- Hungry Hub สยายปีกสู่สิงคโปร์ ผนึกกำลัง Singapore Tourism Board (STB) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ บุกร้านอาหารในสิงคโปร์เจาะฐานลูกค้านักชิมและนักเดินทางทั่วโลก ปักธงปี 68 มีร้านอาหารในแพลตฟอร์มเป็น 2,700 ร้าน ผู้ใช้งานต่อเดือนเพิ่มเป็น 1.6 ล้านคน มั่นใจรายได้โตอีก 50%

นายสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Hungry Hub เปิดเผยว่า Hungry Hub (ฮังกรี้ ฮับ) เป็นผู้นำแพลตฟอร์มจองร้านอาหารและโรงแรมออนไลน์แบบ One Stop Service อันดับหนึ่งของไทย ด้วยจุดขายเรื่องโปรโมชั่นราคาของการจองโต๊ะที่คุ้มค่า ใช้จ่ายได้ จับราคาตั้งแต่ระดับล่าง 200-300 บาทต่อหัว ระดับกลาง 1,000 บาทต่อหัว และระดับพรีเมี่ยม 2,000-40,000 บาทต่อหัว เฉลี่ยที่มีการจองมากสุดอยู่ที่ 1,100 -1,200 บาทต่อหัว โดยมีร้านอาหารเข้าร่วมในแพลตฟอร์มกว่า 1,700 ร้าน แบ่งเป็นในกทม. 1,400 ร้าน และต่างจังหวัดเมืองท่องเที่ยวอีก 300 ร้าน ซึ่งต่อเดือนเฉลี่ยมีการจองโต๊ะ 80%ของจำนวนร้านค้าทั้งหมด ขณะที่ผู้ใช้งานต่อเดือนอยู่ที่ 1.2 ล้านคน ส่วนใหญ่ 60% เป็นคนไทย และ 40% เป็นต่างชาติ ซึ่งเพิ่มมาจาก 5% ในปีก่อน หรือปีนี้มีต่างชาติใช้งานถึง 2 แสนราย

“ปีนี้ Hungry Hub ประสบความสำเร็จมาก ในแง่รายได้เติบโตได้ดี และมีกำไรสูงถึง 8 หลัก เป็นปีที่เติบโตอย่างยั่งยืน ขณะที่ในสถานการณ์ร้านอาหาร ปีนี้ยากลำบาก มีปิดตัวไปมาก เพราะค่าครองชีพสูง ลดการเข้าร้านอาหาร แย่กว่าช่วงโควิด เพราะรัฐบาลไม่มีนโยบายช่วยเหลือ Hungry Hub จึงหันมาจับตลาดนักท่องเที่ยวมากขึ้นในปีนี้ รวมถึงการขยายตลาด การลงทุนไปสู่ต่างประเทศแทน”


ล่าสุดตามแผนธุรกิจใน ปี 2568 Hungry Hub พร้อมเดินหน้าลุยตลาดสิงคโปร์เต็มรูปแบบ โดยจับมือกับ Singapore Tourism Board (STB) ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเชิงอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวไทยและมาเลเซีย ที่มองหาประสบการณ์การรับประทานอาหารที่คุ้มค่าในร้านอาหารระดับกลางถึงไฮเอนด์ในสิงคโปร์ โดยจะเริ่มได้ตั้งแต่ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป

เบื้องต้นในปีแรก คาดว่าจะมีร้านอาหารเข้าร่วมได้กว่า 300 ร้าน ส่วนในไทยเองก็ยังเพิ่มจำนวนร้านอาหารต่อเนื่อง หรือตลอดปี 2568 จะมีร้านอาหารเข้าร่วมรวมกว่า 1,000 ร้าน ส่งผลให้ในระบบมีจำนวนร้านอาหารถึง 2,700 ร้าน แบ่งเป็นไทย 2,400 ร้าน ส่วนใหญ่ยังเป็นกทม. และสิงคโปร์ 300 ร้าน และคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 1.5-1.6 ล้านคนต่อเดือน เชื่อว่าจะส่งผลต่อรายได้รวมเติบโตอีกไม่ต่ำกว่า 50% จากการคิดค่าคอมมิชชั่นจากร้านอาหารที่ 12% และจากนี้พร้อมขยายสู่ตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง ตั้งเป้า 3-5 ปีจากนี้ จะขยายได้อีก 8-10 ประเทศ

“การขยายธุรกิจครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญสำหรับ Hungry Hub ในการเดินหน้าสู่การเป็น Online Travel Agent (OTA) สำหรับร้านอาหารระดับโลก ซึ่งการเปิดตัว Hungry Hub ในสิงคโปร์ครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและมาเลเซียที่เดินทางสู่สิงคโปร์ พร้อมเสนอทางเลือกการรับประทานอาหารในร้านระดับกลางถึงไฮเอนด์ในราคาที่คุ้มค่า ผ่านฟิเจอร์ควบคุมงบประมาณ (Budget-Controlled Dining) ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hungry Hub มั่นใจว่าการบุกตลาดสิงคโปร์ในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน ด้วยจำนวนชาวสิงคโปร์กว่า 30,000 คน ที่เคยใช้ Hungry Hub ในการจองร้านอาหารในประเทศไทย พร้อมเป้าหมายใหม่ที่จะขยายฐานผู้ใช้งานในสิงคโปร์ต่อไป โดยอาศัยเครือข่าย KOL และอินฟลูเอนเซอร์กว่า 300 คนทั่วโลก ที่จะช่วยสร้างการรับรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ร้านอาหารในเครือข่าย“ นายสุรสิทธิ์ กล่าว


ปัจจุบัน Hungry Hub ได้ก้าวสู่เวทีนานาชาติ หลังจากช่วยพันธมิตร ร้านอาหารสร้างรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท และมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน ยอดจองสะสมมากกว่า 4 ล้านที่นั่ง เฉลี่ยรายจ่ายต่อครั้งมากกว่า 1,000 บาท และสามารถสร้างรายได้ให้แก่ร้านอาหาร 1 ร้านได้สูงสุดกว่า 250 ล้านบาท ต่อปี และมี Top Customer หรือลูกค้าที่จองร้านอาหารผ่าน Hungry Hub จำนวนมาก ที่สุดในปี 2567 มากกว่า 85 ครั้งต่อปี ลูกค้ารายเดียวใช้จ่ายไปถึง 350,000 บาท

อย่างไรก็ตาม Hungry Hub ยังพร้อมจัดงาน Hungry Hub Red Table Awards 2024 ซึ่งเป็นงานประกาศรางวัล อันทรงเกียรติที่ยกย่องพันธมิตรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารและการบริการอันยอดเยี่ยม รางวัลนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความสำเร็จ แต่ยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และศักยภาพในการสร้างมาตรฐานใหม่ของพันธมิตร Hungry Hub.


กำลังโหลดความคิดเห็น