- • นัม จู ฮยอก เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่
- • คาดหวังยอดผู้มาเยือนเพิ่มเป็น 30,000 คนต่อวัน
- • มีแบรนด์หรูระดับโลกเข้าร่วมมากมาย
ผู้จัดการรายวัน 360 - เซ็นทรัลชิดลม นับถอยหลัง เปิดชิดลมสมบูรณ์แบบ วันที่ 12ธ.ค.นี้ ดึง นัม จู ฮยอก เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์รายแรก มั่นใจโฉมใหม่ดึงคนเพิ่มเป็น 30,000 คนต่อวัน เปิดลิสต์ลักชัวรี่แบรนด์เพียบ
นางณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดบริการเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่บางส่วนประมาณ 85% ของพื้นที่ รวม 60,000 ตารางเมตร ประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตของทราฟฟิกเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีทราฟฟิกประมาณ 25,000 คนต่อวัน
บริษัทมั่นใจว่า หลังจากที่จะเปิดบริการเต็มสมบูรณ์แบบทั้งหมด ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ในคอนเซปต์ "The Store of Bangkok" ชูความเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรีระดับโลกที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดใจกลางกรุงเทพมหานครจะมีทราฟฟิกเข้าห้างประมาณ 30,000 คนต่อวัน และถือเป็นครั้งแรกที่มีการแต่งตั้ง นัม จู ฮยอก (Nam Joo Hyuk) ศิลปินเกาหลีเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของห้างเซ็นทรัลชิดลม
“เรามองว่าโอกาสเติบโตของตลาดลักชัวรีไทยยังมีมาก ซึ่งภายใน 6 เดือน (มิ.ย. – 30 พ.ย. 67) ห้างของเราเติบโตสูงถึง 25% แล้ว และในปีหน้า 2568 เมื่อสมบูรณ์ 100% แล้วจะสร้างยอดขายเติบโตเป็น 30%”
โดยเซ็นทรัลใช้งบประมาณมากกว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมสาขาชิดลมครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปีที่เปิดบริการมา เพื่อเป็น Number 1 Luxury Department Store in Bangkok และเป็น City destination ซึ่งห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นแฟลกชิบสโตร์ที่มียอดขายสูงสุดในเครือของห้างเซ็นทรัล และมีผู้ที่ใช้จ่ายสูงหรือท็อปสเปนเดอร์มากกว่า 6 แสนบาทต่อคนต่อปีขึ้นไปมีไม่ต่ำกว่า7,000 คน และเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%
สำหรับในปีหน้ามีแผนที่จะรีโนเวทห้างเซ็นทรัลต่อเนื่องเช่น ปิ่นเกล้า แจ้งวัฒนะ นอกจากนั้นก็มีห้างโรบินสันที่ปรับเปลี่ยนเป็นห้างเซ็นทรัลเช่น สาขาบางรัก ที่ดำเนินการขณะนี้ ใช้งบ 250 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน มีห้างเซ็นทรัล 29 สาขา และห้างโรบินสัน 46 สาขา
สำหรับห้างเซ็นทรัล ชิดลมโฉมใหม่นี้ มีความพิเศษ 4 แกนหลักคือ
1. คัดสรรสินค้าอย่างพิถีพิถัน (The Store of Curation)
ภายใต้พื้นที่ 60,000 ตารางเมตร ผ่านกระบวนการวิเคราะห์พื้นที่เพื่อสร้างความสุขในทุกตารางนิ้ว โดยได้คัดสรรแบรนด์สินค้าลักชัวรีจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ Beauty Galerie โฉมใหม่ที่หรูหราที่สุดในประเทศไทย รวมผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ความงามระดับโลกกว่า 150 แบรนด์ อาทิ Chanel, Dior, Gucci, Prada Beauty, Lamer ฯลฯ พร้อมโซนพิเศษที่รวบรวมแบรนด์สกินแคร์ออร์แกนิกระดับพรีเมียม ยังมีโซนน้ำหอมเฉพาะกลุ่ม (Niche Fragrances) รวมทั้งเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ที่จำหน่ายเฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมเท่านั้น เช่น Ausgustinus Bader, Officine Universelle Buly และ Valentino Beauty รวมถึงมี PRADA BEAUTY ที่เปิดให้บริการที่แรกที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม
สำหรับโซนแฟชั่นมีให้เลือกกว่า 500 แบรนด์ โดยโซนไฮไลต์อย่าง Luxe Galerie เป็นที่เดียวในประเทศไทยที่เป็นรูปแบบ Shop in Shop รวบรวมแบรนด์หรูระดับโลกมากมาย เช่น Bottega Veneta, Balenciaga, Burberry, Celine, Dolce & Gabbana, Emilio Pucci, Fendi, Gucci, Kenzo, Loewe, Louis Vuitton, Miu Miu, Missoni, Prada, Roger Vivier, Versace รวมถึงแบรนด์ที่กำลังจะเปิดให้บริการเดือนธันวาคมนี้ อย่าง Chanel และยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทย กับโซน ‘Shoes Avenue’ ที่ให้ลูกค้าได้ลองและเลือกช้อปรองเท้า แบรนด์ลักชัวรีหลากหลายแบรนด์ ครบทุกสไตล์ในพื้นที่เดียว อาทิ Jimmy Choo , Todd’s, Tory Burch, Christian Louboutin, Cult Gia, Sergio Rossi,Tod’s, Sophia Webster, Coperni, Marni , Proenza Schouler และที่ชั้นนี้ยังมี The Bar ที่ “Christian Louboutin” เตรียมเทคโอเวอร์กลายเป็น “Christian Louboutin Bar” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในเอเชียพร้อมมีเมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษ
ยังมีแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟที่ไม่ต้องบินไปช้อปไกลถึงต่างประเทศ มาได้เลยที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม อย่าง Archivépke, C.P. Company, GCDS, Giuseppe Zanotti, Mardi Mercredi Actif, Mach & Mach, René Caovilla, Rockfish Weatherwear, Simkhai, SUNNEI, Samo Ondoh, Versace Jeans Couture, TAW&TOE วางจำหน่ายแห่งแรกในประเทศไทย
รวมถึงยังมีโซน Sneakers Boulevard & Streetwear Studio อาณาจักรสนีกเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีสินค้ากลุ่มสตรีทแฟชั่น และสินค้าลิมิเต็ด เอดิชัน ดึงฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่ มีสนีกเกอร์ทั้งคอลเลกชันใหม่ รุ่นพิเศษ และรุ่นหายากจากหลากหลายแบรนด์ รวมกว่า 800 คู่ เรียกว่าเป็นการออกแบบพื้นที่ห้างได้อย่างน่าสนใจเพราะสามารถนำเสนอสินค้าจากหลากหลายแบรนด์และนับเป็นจำนวนที่มากเมื่อเทียบต่อตารางนิ้ว
2. โฉมใหม่ มีเอกลักษณ์ (The Store of Design)
ห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นสาขาแฟล็กชิปที่ผสมผสานเอกลักษณ์และไอเดียของสถาปัตยกรรมชั้นนำระดับโลกเข้ากับสถาปัตยกรรมไทย ด้วยเชื่อว่าความหลากหลายคือหัวใจสำคัญของการสร้างพื้นที่ที่มีชีวิตชีวา และยังได้รับการออกแบบโดยบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังระดับโลก และ DDMY Studio ซึ่งได้ออกแบบลวดลาย Façade ที่สามารถเปลี่ยนแปลงสีสันได้ตามสภาพอากาศ พร้อมเปิดทางเข้าใหม่ Sky Terrace ที่เชื่อมจากรถไฟฟ้าสถานีชิดลมเข้าสู่ห้างเซ็นทรัลชิดลมที่ชั้น 1 ลักชัวรีได้โดยตรง ซึ่งแนวคิดในการปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ยังได้ต่อยอดมาจากจุดเริ่มต้นของห้างเซ็นทรัลที่ใช้สัญลักษณ์เป็นรูปดอกกุหลาบ จึงตกแต่งในคอนเซปต์ ‘Garden of Rose’ โดยมีหินทำจาก Terrazzo เป็นสี Chidlom Pink สร้างบรรยากาศเสมือนเดินช้อปปิ้งที่ห้างหรูในยุโรป พร้อมยังสร้างเอกลักษณ์ความเฉพาะตัวเพื่อลูกค้า #CitizentofChidlom แห่งนี้ ด้วย New Identity เป็นสาขาเดียวที่ใช้โลโก้และถุงช้อปปิ้งสี Chidlom Pink หรือ สีชมพูชิดลม
3. เชื่อมโยงคนทุกเจเนอเรชัน เป็นคอมมูนิตี้สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ (The Store of Communities)
ห้างเซ็นทรัลทุกสาขารวมถึงสาขาชิดลม มีวิชั่นคือ ห้างสรรพสินค้าแห่งแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนทุกเจเนอเรชันในทุกช่วงเวลาของชีวิต เราจึงเป็นศูนย์กลางที่พร้อมจุดประกายไอเดียใหม่ๆ มากกว่าการเป็นเพียงพื้นที่ซื้อขายสินค้า จึงมีโซน PUBLIC LANE - PUBLIC MARKET ที่มีร้านอาหารชั้นนำ อาทิ Ba Hao Tian Mi, PASH Juices, Grazia Gelato & Coffee, John Donut, Guljak Topokki & Chicken, PHED PHED POP, Little Market, Kam’s Roast, Jao Khao Soi Chicken, The Rolling Pinn, Taproom, Tiengna Patisserie, Shichi Japanese Restaurant, Ăn Cơm Ăn Cá, Fa Pla Than, SALADSTOP!, Sava Modern Thai Flavour, a) Fox princess kitchen w/ rabbit, Mozza by Cocotte, Nose Tea, Greyhound Café, Muji Café รวมถึงมี LOFTER ที่รวมร้านสตรีทฟู้ดทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติทั่วกรุงกว่า 30 ร้าน พร้อมจัดกิจกรรมอีกมากมาย ทั้งด้านศิลปะ ดนตรี หรือ เทคโนโลยี ดิจิทัลใหม่ๆ
4. สร้างความประทับใจสูงสุดทุกมิติของการช้อปปิ้ง (The Store of excellent service)
ตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวสู่ห้างเซ็นทรัลชิดลมทุกท่านจะได้รับการบริการจากพนักงานที่มีความรู้และมีใจรักในการบริการ เราเล็งเห็นโอกาสในการต่อยอดการขายในช่องทางใหม่ ๆ จึงลงทุนในด้านเทคโนโลยีมี Omni-channel อำนวยความสะดวกในการช้อปปิ้ง มี Central App แอปพลิเคชันที่ให้ลูกค้าช้อปสะดวกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และยังมีการใช้ AI หรือ Data Analytics มาวิเคราะห์การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละท่าน นอกจากนี้ ยังมี CENFINITY Lounge ห้องรับรองพิเศษสำหรับลูกค้าคนสำคัญ รวมทั้งโซน Work Work Co-working space พื้นที่ให้บริการฟรีสำหรับทุกท่านมานั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือนั่งพักผ่อน สร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิต
เจาะทุกกลุ่มเป้าหมาย เพราะ “ทุกคน” คือ #CitizenofChidlom
นางณัฐธีรา กล่าวเพิ่มเติมว่า เดิมทีกลุ่มลูกค้าหลักของห้างเซ็นทรัลชิดลมคือกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับกลางถึงสูง มีลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และ Expat อยู่ที่ประมาณ 20% โดยหลังปรับโฉมเสร็จคาดการณ์ปริมาณผู้ใช้บริการ ประมาณ 30,000 คนต่อวัน ดึงลูกค้ามาจากหลากหลายกลุ่มทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่
1. กลุ่ม CENFINITY และกลุ่ม Wealth & Premium ลูกค้าและสมาชิกคนสำคัญที่มียอดใช้จ่ายสูง ซึ่งจะมุ่งเน้นการมอบประสบการณ์พิเศษและสิทธิประโยชน์เฉพาะตัว
2. กลุ่ม Family & Kids กลุ่มครอบครัวที่นิยมใช้เวลาร่วมกันที่ห้างเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน
3. กลุ่ม Gen Y & Gen Z กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ซึ่งมักมีอิสระทางการเงิน มีแนวโน้มใช้จ่ายสูงในกลุ่มสินค้าทันสมัย เช่น แฟชั่น เทคโนโลยี และเครื่องประดับ รวมถึงกลุ่มสินค้าลักชัวรีที่ตรงกับสไตล์ของตนเอง
4. กลุ่ม Expat & Tourist เป็นกลุ่มที่ตั้งใจเดินทางมาช้อปปิ้งและท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ทางห้างได้เข้าไปยังลูกค้ากลุ่มนี้ผ่านการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ ทั้งจากพันธมิตสายการบิน บัตรเครดิต โรงพยาบาล และอีกมากมาย พร้อมมัดใจด้วยการเพิ่มความสะดวกสบายในบริการที่เหมาะกับนักท่องเที่ยว เช่น Tax Refund เป็นต้น
“ห้างเซ็นทรัลชิดลมตั้งใจยกระดับทุกด้านเพื่อเป็นลักชัวรีดีพาร์ทเมนต์สโตร์ของเมืองไทยที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพใหญ่ของรีเทลเพื่อดึงดูดเม็ดเงินเข้าระบบในประเทศ โดยในวันที่ 12 ธ.ค.67 นี้ มาร่วมเป็นหนึ่งในโมเมนต์แห่งประวัติศาสตร์ของรีเทลไทยในระดับโลก กับงานฉลองเปิดห้างเซ็นทรัลชิดลมอย่างเป็นทางการ โดยทางห้างได้เตรียมจัดงานตอบแทนคำขอบคุณลูกค้าอย่างยิ่งใหญ่ด้วยกิจกรรมและคอนเสิร์ตจากกองทัพศิลปิน-นักร้องชั้นนำ พร้อมเซอร์ไพรส์จากนัม จู ฮยอก (Nam Joo Hyuk) แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของห้างเซ็นทรัลชิดลม ร่วมกิจกรรมมากมายยิงยาวข้ามปีไปจนถึงปีหน้า 2568 ฉลองปีใหม่สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างไม่รู้จบ”นางณัฐธีรา กล่าว